แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยกู้เงินมารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ จำเลยตกลงยกนาให้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ชำระหนี้แทนเงิน มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ยอมรับ แต่ให้จำเลยโอนนานั้นให้แก่โจทก์ จำเลยตกลง โจทก์จำเลยจึงได้ไปทำคำขอทำสัญญาซื้อขายนานั้นที่อำเภอ ดังนี้ถือได้ว่า โจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายนานั้นแล้ว โดยหักเงินที่จำเลยเป็นหนี้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์เป็นราคานานั้นเมื่อจำเลยไม่ยอมโอนขาย โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายนั้นได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เดิมจำเลยทั้งสองซึ่งเป็นสามีภริยากู้เงินมารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ไป จำเลยทั้งสองยอมยกนาที่พิพาทให้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ แต่มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ยกนาที่พิพาทให้แก่โจทก์ ทุกฝ่ายตกลงให้จำเลยยื่นคำร้องต่ออำเภอโอนนาที่พิพาทให้โจทก์ต่อมาจำเลยยื่นคำร้องต่ออำเภอขอขายนาที่พิพาทให้โจทก์ แล้วกลับไม่ยอมขาย ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยโอนนาที่พิพาทให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ ให้การว่า สัญญากู้เงินที่ฟ้องเป็นสัญญาปลอม จำเลยไม่ได้ตกลงยกนาที่พิพาทให้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์ จำเลยไม่ได้ทำหนังสือขอขาย เจ้าหน้าที่เขียนเอาเอง บังคับ และหลอกลวงให้จำเลยลงชื่อ
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
สืบพยานโจทก์ได้ ๓ ปาก จำเลยที่ ๑ ยื่นคำร้องว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องศาลสั่งว่าจะสั่งในคำพิพากษา
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์มีอำนาจฟ้อง เชื่อว่าจำเลยทั้งสองทำเอกสารโอนขายนาที่พิพาทให้โจทก์จริง พิพากษาให้จำเลยทั้งสองโอนนาที่พิพาทให้โจทก์
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๑ ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า การที่จำเลยตกลงยกนาที่พิพาทให้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์เป็นการชำระหนี้แทนเงิน ซึ่งคนทั้งสองก็ยอมรับ แต่ขอให้จำเลยโอนนาที่พิพาทให้โจทก์ และจำเลยก็ตกลง โจทก์จำเลยได้ไปทำคำขอทำสัญญาซื้อขายนาที่พิพาทกันที่อำเภอ ถือได้ว่าโจทก์จำเลยได้ทำสัญญาจะซื้อขายนาที่พิพาทกันแล้ว โดยหักเงินที่จำเลยเป็นหนี้มารดาโจทก์และน้องชายโจทก์เป็นราคานาที่พิพาท เมื่อจำเลยบิดพลิ้วไม่ยอมโอนขายนาที่พิพาทให้โจทก์ตามสัญญาจะซื้อขายที่ทำกันไว้ที่อำเภอ โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อขายได้
พิพากษายืน