คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3046/2540

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2528มาตรา8วรรคหนึ่งที่บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดจัดหางานให้คนหางานทำงานในประเทศเว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนนั้นกฎหมายมาตราดังกล่าวมิได้บัญญัติถึงรายละเอียดที่เกี่ยวกับผู้กระทำความผิดจะต้องรับเงินจากใครนำไปให้ใครเป็นจำนวนเงินเท่าใดเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดไว้ด้วยดังนั้นโจทก์จึงไม่จำเป็นที่ต้องบรรยายข้อเท็จจริงดังกล่าวไว้ในฟ้องด้วย โจทก์บรรยายฟ้องไว้โดยแจ้งชัดแล้วว่าตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานหรือลูกจ้างให้แก่นายจ้างทำงานในประเทศโดยจำเลยทั้งสองได้รับเงินค่าตอบแทนจากคนหางานและตั้งสำนักงานจัดหางานโดยไม่ได้รับใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมายฟ้องโจทก์ครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ.2528มาตรา8วรรคหนึ่งแล้วจึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา158

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 14 มกราคม 2539 เวลากลางวันถึงวันที่ 25 มกราคม 2539 เวลากลางวัน ต่อเนื่องกันจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันกระทำความผิดต่อกฎหมายหลายกรรมต่างกันกล่าวคือจำเลยทั้งสองได้ร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานหรือลูกจ้างให้แก่นายจ้างทำงานในประเทศ โดยจำเลยทั้งสองได้รับเงินค่าตอบแทนจากคนหางาน และตั้งสำนักงานจัดหางานชื่อ”บริษัทฟอร์โปรดักส์ (ประเทศไทย) จำกัด” ตั้งอยู่เลขที่ 26/8ซอยโรงหนังเจ้าพระยา ถนนสุขุมวิท 71 แขวงพระโขนง เขตคลองเตยกรุงเทพมหานคร ทั้งนี้ โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย และได้ร่วมกันตั้งสำนักงานจัดหางานชื่อ”บริษัท ฟอร์โปรดักส์ )ประเทศไทย) จำกัด” โดยใช้ชื่ออักษรไทยประกอบว่า “บริษัทจำกัด” “บริษัท” หรือ “จำกัด” ลงในป้ายสถานประกอบการของจำเลยทั้งสองลงในเอกสารหนังสือพิมพ์วัฎจักรลงโฆษณารับสมัครคนหางานอันเกี่ยวกับธุรกิจของจำเลยทั้งสอง โดยไม่ได้จดทะเบียนบริษัทจำกัดต่อนายทะเบียนหุ้นส่วนบริษัทกรุงเทพมหานครอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 91, 92 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางานพ.ศ. 2528 มาตรา 2, 8, 73 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียน ห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคม และมูลนิธิ พ.ศ. 2499 มาตรา 6 เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 ตามกฎหมาย
จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ และจำเลยที่ 1 รับว่าเคยต้องโทษและพ้นโทษจริงตามฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91, 92 พระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 2, 8 วรรคหนึ่ง73 พระราชบัญญัติกำหนดความผิดเกี่ยวกับห้างหุ้นส่วนจดทะเบียนห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด สมาคมและมูลนิธิ พ.ศ. 2499มาตรา 6 เพิ่มโทษจำคุกจำเลยที่ 1 หนึ่งในสาม ฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต จำคุก 1 ปี 4 เดือน ฐานใช้ชื่อบริษัท ปรับ 12,000 บาทและปรับอีกวันละ 100 บาท จนกว่าจะเลิกใช้ ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 6,000 บาท ฐานใช้ชื่อบริษัทปรับ 2,000 บาท และปรับอีกวันละ 100 บาท จนกว่าจะเลิกใช้จำเลยทั้งสองให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงลงโทษจำเลยที่ 1ฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาตจำคุก 8 เดือน ฐานใช้ชื่อบริษัทปรับ 6,000 บาท และปรับอีกวันละ 50 บาท จนกว่าจะเลิกใช้ส่วนจำเลยที่ 2 ลงโทษฐานจัดหางานโดยไม่ได้รับอนุญาต ปรับ 3,000 บาทฐานใช้ชื่อบริษัท ปรับ 1,000 บาท และปรับอีกวันละ 50 บาท จนกว่าจะเลิกใช้ ไม่ชำระค่าปรับจัดการตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 29, 30
จำเลย ที่ 1 อุทธรณ์ ขอให้ รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
จำเลย ที่ 1 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาข้อกฎหมายที่จำเลยที่ 1 ฎีกาว่าฟ้องโจทก์ที่เกี่ยวกับความผิดต่อพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 ไม่สมบูรณ์ เพราะโจทก์มิได้ระบุว่าจำเลยที่ 1 ได้รับเงินค่าตอบแทนจากคนหางานหรือลูกจ้างคนใด หรือใครเป็นเงินจำนวนเท่าใด และจำเลยที่ 1 มอบเงินค่าตอบแทนให้แก่นายจ้างคนใด หรือใคร เป็นเงินจำนวนเท่าใด จึงเป็นฟ้องที่ไม่ชอบด้วยมาตรา 158 แห่งประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญานั้น เห็นว่าตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 8วรรคหนึ่ง บัญญัติห้ามมิให้ผู้ใดจัดหางานให้คนหางานทำงานในประเทศเว้นแต่จะได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียน กฎหมายมาตราดังกล่าวมิได้บัญญัติถึงรายละเอียดที่เกี่ยวกับผู้กระทำความผิดจะต้องรับเงินจากใคร นำไปให้ใครเป็นจำนวนเงินเท่าใดเป็นองค์ประกอบแห่งความผิดไว้ด้วย ดังนั้น โจทก์จึงไม่จำเป็นที่ต้องบรรยายข้อเท็จจริงตามที่จำเลยที่ 1 ยกขึ้นเป็นข้อฎีกาไว้ในฟ้องด้วย เมื่อโจทก์บรรยายฟ้องไว้โดยแจ้งชัดแล้วว่าตามวันเวลาเกิดเหตุจำเลยทั้งสองร่วมกันประกอบธุรกิจจัดหางานให้แก่คนหางานหรือลูกจ้างให้แก่นายจ้างทำงานในประเทศโดยจำเลยทั้งสองได้รับเงินค่าตอบแทนจากคนหางาน และตั้งสำนักงานจัดหางาน โดยไม่ได้รับใบอนุญาตจัดหางานจากนายทะเบียนอันเป็นการฝ่าฝืนต่อกฎหมาย ฟ้องโจทก์ก็ครบองค์ประกอบแห่งความผิดตามพระราชบัญญัติจัดหางานและคุ้มครองคนหางาน พ.ศ. 2528 มาตรา 8วรรคหนึ่งแล้ว ฟ้องโจทก์จึงเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 หาใช่เป็นพ้องที่ไม่สมบูรณ์ดังที่จำเลยที่ 1 ฎีกาไม่
พิพากษายืน

Share