แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์โอนสิทธิเรียกร้องที่จะได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นตามคำพิพากษาให้แก่ผู้ร้อง โดยโจทก์และผู้ร้องได้มีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทราบแล้ว การโอนสิทธิเรียกร้องรายนี้ย่อมสมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 306 วรรคหนึ่ง ดังนั้น สิทธิของโจทก์ที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาในคดีนี้จึงตกเป็นของผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะรับเงินตามคำพิพากษาจากจำเลยทั้งสาม การที่โจทก์ยื่นคำแถลงขอรับเงินที่จำเลยที่ 2 นำมาวางศาลเพื่อชำระหนี้ตามคำพิพากษา ซึ่งศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับตามคำแถลงของโจทก์อันเป็นการดำเนินการในชั้นบังคับตามคำพิพากษาทั้ง ๆ ที่โจทก์สิ้นสิทธิดังกล่าวไปแล้ว เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต กรณีนี้ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งและถูกโต้แย้งสิทธิ จึงชอบที่จะร้องสอดเข้ามาในชั้นบังคับตามคำพิพากษาได้ ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1)
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งสามร่วมกันจ่ายเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นแก่โจทก์สำหรับที่ดินของโจทก์ที่ถูกเวนคืนอันเนื่องจากการดำเนินการตามพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน เพื่อสร้างทางหลวงเทศบาลสายรัชดาภิเษก พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดคืออัตราร้อยละ 10 ต่อปี ของต้นเงิน 219,964,533 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยทั้งสามร่วมกันชำระเงิน 93,095,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราสูงสุดของดอกเบี้ยเงินฝากประเภทฝากประจำของธนาคารออมสิน แต่ไม่เกินอัตราร้อยละ 10 ต่อปี กับให้จำเลยทั้งสามร่วมกันใช้ค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 200,000 บาท ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน
ผู้ร้องยื่นคำร้อง ขอให้ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ผู้ร้องรับเงินตามคำพิพากษาแทนโจทก์
โจทก์ยื่นคำคัดค้าน ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นงดไต่สวนแล้วมีคำสั่งยกคำร้อง ค่าคำร้องเป็นพับ
ผู้ร้องอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ
ผู้ร้องฎีกา
ศาลฎีกาคณะคดีปกครองวินิจฉัยว่า เห็นว่า การที่โจทก์โอนสิทธิเรียกร้องที่จะได้รับเงินค่าทดแทนที่ดินเพิ่มขึ้นตามคำพิพากษาให้แก่ผู้ร้อง โดยโจทก์และผู้ร้องมีหนังสือแจ้งการโอนสิทธิเรียกร้องให้จำเลยทราบแล้ว การโอนสิทธิเรียกร้องรายนี้ย่อมสมบูรณ์ตาม ป.พ.พ. มาตรา 306 วรรคหนึ่ง และหากการโอนสิทธิเรียกร้องรายนี้ยังไม่มีการยกเลิกกันโดยชอบ สิทธิของโจทก์ที่จะได้รับชำระหนี้จากจำเลยทั้งสามตามคำพิพากษาในคดีนี้ย่อมตกเป็นของผู้ร้อง โจทก์จึงไม่มีสิทธิที่จะรับเงินตามคำพิพากษาจากจำเลยทั้งสาม เมื่อโจทก์สิ้นสิทธิที่จะได้รับเงินตามคำพิพากษาจากจำเลยทั้งสามแล้ว การที่โจทก์มายื่นคำแถลงขอให้ศาลชั้นต้นออกคำบังคับจำเลยทั้งสามให้ชำระหนี้ตามคำพิพากษาซึ่งศาลชั้นต้นได้ออกคำบังคับตามคำแถลงของโจทก์อันเป็นการดำเนินการในชั้นบังคับตามคำพิพากษา และต่อมาโจทก์ได้ยื่นคำแถลงขอรับเงินที่จำเลยที่ 2 นำมาวางศาล ทั้ง ๆ ที่โจทก์สิ้นสิทธิดังกล่าวไปแล้ว เป็นการจงใจที่จะให้ผู้ร้องซึ่งได้รับโอนสิทธิเรียกร้องในการรับเงินตามคำพิพากษาให้ได้รับความเสียหาย เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ศาลชั้นต้นชอบที่จะสั่งไม่จ่ายเงินที่จำเลยที่ 2 นำมาวางให้แก่โจทก์ กรณีนี้ผู้ร้องเป็นผู้มีส่วนได้เสียในการบังคับตามคำพิพากษาหรือคำสั่งและถูกโต้แย้งสิทธิ ผู้ร้องจึงชอบที่จะร้องขอเข้ามาในชั้นบังคับตามคำพิพากษาได้ตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) และคำร้องขอรับเงินตามคำพิพากษาของผู้ร้องถือได้ว่าเป็นคำร้องสอดอันเนื่องจากผู้ร้องมีสิทธิเรียกร้องเกี่ยวเนื่องด้วยการบังคับตามคำพิพากษาตาม ป.วิ.พ. มาตรา 57 (1) ชอบที่ศาลชั้นต้นจะรับคำร้องขอของผู้ร้องไว้เพื่อดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยถึงข้อโต้แย้งสิทธิของผู้ร้องในชั้นบังคับคดีให้ตามรูปคดีต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งของศาลชั้นต้นที่งดไต่สวนแล้วยกคำร้องขอรับเงินตามคำพิพากษาของผู้ร้องนั้น ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษากลับ ให้ศาลชั้นต้นดำเนินการไต่สวนและวินิจฉัยคำร้องขอรับเงินตามคำพิพากษาของผู้ร้องตามรูปคดีต่อไป ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นนี้ทั้งสามศาลให้ศาลชั้นต้นรวมสั่งเมื่อมีคำสั่งใหม่.