แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์จำเลยต่าง สามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ แต่การให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับโจทก์เป็นการไม่สะดวก เพราะโจทก์กลับบ้านได้เฉพาะ วันเสาร์-อาทิตย์ ส่วนการให้บุตรผู้เยาว์อยู่กับมารดาได้ รับความอบอุ่นมากกว่าเพราะอยู่ใกล้ชิดตลอด เวลา จึงสมควรให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ และแม้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์จะตก แก่จำเลยก็ตาม โจทก์มีสิทธิจะติดต่อ กับบุตรผู้เยาว์ได้ตาม สมควรแล้วแต่ พฤติการณ์ คดีก่อนถึง ที่สุดโดย ศาลยังมิได้วินิจฉัยประเด็นเรื่องค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ จำเลยจึงมีสิทธิฟ้องแย้งโจทก์ในนี้ให้โจทก์จ่ายค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ อีก ไม่ต้องห้ามตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์กับจำเลยเป็นสามีภรรยาโดยจดทะเบียนสมรสมีบุตรด้วยกัน 1 คน จำเลยได้พาบุตรไปอยู่กับมารดาโดยจงใจทิ้งร้างโจทก์ จนบัดนี้เกินกว่า 1 ปีแล้ว ทั้งจำเลยเคยฟ้องหย่าโจทก์ จึงขอให้พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากการเป็นสามีภรรยา และให้โจทก์เป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์ โดยให้จำเลยส่งมอบบุตรผู้เยาว์ให้โจทก์ภายในกำหนด 7 วัน
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า จำเลยมิได้ทิ้งร้างโจทก์เหตุที่จำเลยไปอยู่กับมารดาเพราะถูกโจทก์ทำร้ายทุบตี จำเลยมีเวลาพอที่จะเลี้ยงดูบุตรได้ดีกว่าโจทก์ ฟ้องโจทก์เกี่ยวกับผู้ใช้อำนาจปกครองบุตรผู้เยาว์เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่62/2528 ของศาลชั้นต้น เพราะเหตุอย่างเดียวกัน ขอให้ยกฟ้องโจทก์ และให้จำเลยแต่ผู้เดียวเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองผู้เยาว์กับให้โจทก์ชำระค่าอุปการะเลี้ยงดูให้จำเลยเดือนละ 1,000 บาทจนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งและแก้ไขคให้การแก้ฟ้องแย้งว่าโจทก์ไม่เคยทุบตีจำเลย ฟ้องแย้งของจำเลยซ้ำกับคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 63/2528 ของศาลชั้นต้น จำเลยไม่มีสิทธิเรียกค่าอุปการะเลี้ยงดูจำเลยไม่มีอำนาจขอเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์ โจทก์สามารถเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ได้ดีกว่าจำเลย
ศาลชั้นต้นกำหนดประเด็นข้อพิพาทว่า 1. ฟ้องโจทก์และฟ้องแย้งจำเลยเป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 63/2528 ของศาลชั้นต้นหรือไม่2. จำเลยทิ้งร้างโจทก์ไปกว่า 1 ปี เป็นเหตุให้ฟ้องหย่าหรือไม่และ 3. เมื่อหย่าแล้วใครเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองและบุตรจะได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูเดือนละเท่าไร ระหว่างพิจารณาของศาลชั้นต้นคู่ความสละประเด็นข้พิพาทข้อ 2 และตกลงหย่าขาดจากการเป็นสามีภริยากันโดยจะไปจดทะเบียนหย่าภายหลังศาลพิพากษาในกำหนด 7 วันและติดใจสืบพยานเฉพาะประเด็นข้อที่ 3 เท่านั้น
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ววินิจฉัยว่า คดีไม่เป็นฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 63/2528 ของศาลชั้นต้น เพราะอ้างเหตุคนละเหตุเมื่อหย่ากันแล้วให้จำเลยเป็นผู้ใช้อำนาจปกครองบุตร ให้จำเลยได้รับค่าอุปการะเลี้ยงดูจากโจทก์เดือนละ 1,000 บาท จนกว่าบุตรจะบรรลุนิติภาวะ พิพากษาให้โจทก์จำเลยหย่าขาดจากกัน ให้โจทก์ำระค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์แก่จำเลยเดือนละ 1,000 บาทนับแต่วันฟ้องจนกว่าบุตรผู้เยาว์จะบรรลุนิติภาวะ
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาแรกโจทก์ฎีกาว่า โจทก์หรือจำเลยควรเป็นผู้ปกครองเด็กชายไกรภพ ดิษปาน บุตรผู้เยาว์ เห็นว่าโจทก์เป็นอาจารย์ 1 ระดับ 3 เงินเดือนขณะนั้น 3,325 บาท บิดาเป็นข้าราชการบำนาญ มีนา 400 ไร่ ส่วนจำเลยจบการศึกษาประถมปีที่ 4มีนา 30 ไร่ ทำร่วมกับบิดามารดาอีก 80 ไร่ แม้โจทก์มีฐานะดีกว่าจำเลยมากก็ตามแต่โจทก์อาศัยอยู่บ้านพักครู กลางวันต้องไปสอนวันเสาร์-อาทิตย์จึงได้กลับบ้าน การที่จะให้เด็กชายไกรภพบุตรผู้เยาว์ซึ่งมีอายุ 3 ขวบ อยู่กับโจทก์ย่อมไม่สะดวก แม้ว่าจะหาผู้มาเลี้ยงหรืส่งบุตรผู้เยาว์อยู่ในโรงเรียนอนุบาลก็ตาม ความอบอุ่นที่บุตรผู้เยาว์ได้รับจากมารดามีมากกว่าเพราะมารดาอยู่ใกล้ชิดกับบุตรผู้เยาว์ตลอดเวลานับแต่คลอด จำเลยก็มิได้ยากจนถึงขนาดที่จะเลี้ยงดูและให้การศึกษาบุตรผู้เยาว์ไม่ได้ หากโจทก์ประสงค์ที่จะให้บุตรผู้เยาว์ได้รับการศึกษาจนจบการศึกษาชั้นปริญญาตรีก็ทำได้ เพราะแม้อำนาจการปกครองจะตกแก่จำเลยก็ตามโจทก์ยังมีสิทธิที่จะติดต่อกับบุตรของตนได้ตามสมควรแล้วแต่พฤติการณ์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1521 วรรคสอง ที่ศาลล่างทั้งสองให้จำเลยเป็นผู้ปกครองบุตรผู้เยาว์นั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วยโจทก์ฎีกาอีกข้อหนึ่งว่า ฟ้องแย้งของจำเลยคดีนี้ฟ้องซ้ำกับคดีหมายเลขแดงที่ 63/2528 ของศาลชั้นต้นซึ่งคดีถึงที่สุดแล้วเห็นว่าค่าอุปการะเลี้ยงดูบุตรผู้เยาว์ที่จำเลยฟ้องแย้งโจทก์ในคดีหมายเลขแดงที่ 63/2528 ศาลชั้นต้นยังไม่ได้วินิจฉัย จำเลยจึงฟ้องแย้งเรียกค่าอุปการะเลี้ยงบุตรผู้เยาว์ในคดีนี้ได้ไม่เป็นฟ้องซ้ำ ศาลล่างทั้งสองพิพากษาชอบแล้ว ฎีกาโจทก์ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน.