คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3034/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลฎีกาพิพาากษาให้โจทก์เป็นฝ่ายชนะคดี ต่อมาโจทก์ถึงแก่ความตามยแม้ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ไม่ได้ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ ผู้ร้องก็ย่อมมีสิทธิขอดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้ เพราะกรณีไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 42
ศาลพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนเนื้อที่ 200 ตารางวาในที่ดินโฉนดเลขที่ 1884 แก่โจทก์ แต่ปรากฏว่าจำเลยกับพวกได้นำที่ดินแปลงดังกล่าวไปแบ่งเป็นแปลงเล็ก ๆ ออกจำหน่ายก่อนแล้ว ในที่ดินจำนวนนี้ศาลชั้นต้นได้สั่งอายัดไว้ 4 แปลงสำหรับคดีนี้ เมื่อไม่ปรากฏว่ายังมีที่ดินส่วนอื่นนอกจากที่ดิน 4 แปลงดังกล่าว ทั้งจำเลยก็ไม่ได้เสนอที่ดินส่วนอื่นให้โจทก์ ดังนี้ ผู้ร้องย่อมร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยโอนที่ดิน 4 แปลงดังกล่าวให้แก่ผู้ร้องได้ ไม่เป็นการร้องขอให้โอนที่ดินแปลงอื่นนอกจากที่กล่าวในคำพิพากษาและคำบังคับทั้งไม่เป็นการพิพากษาและบังคับคดีนอกไปจากคำฟ้อง.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากศาลฎีกาพิพากษาให้จำเลยจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินเฉพาะส่วนเนื้อที่ ๒๐๐ ตารางวาในที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๘๔ ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรีแก่โจทก์ โดยลงชื่อโจทก์เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์ร่วมกับจำเลยต่อมาโจทก์ถึงแก่ความตาย ผู้ร้องในฐานะผู้จัดการมรดกของโจทก์ได้ร้องขอเข้ามาบังคับคดี โดยขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนที่ดินโฉนดเลขที่ ๕๓๕๕๓,๕๓๕๕๔, ๕๓๕๕๕ และ ๕๓๕๕๖ ซึ่งจำเลยได้ขอแบ่งแยกมาจากโฉนดที่ดินตามฟ้องแก่โจทก์
จำเลยยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องมิได้ยื่นคำร้องขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนโจทก์ผู้มรณะ จึงไม่มีสิทธิยื่นคำร้องดังกล่าว การบังคับคดี จะพึงกระทำได้เฉพาะที่ดินโฉนดเลขที่๑๘๘๔ เท่านั้น จะขอให้บังคับคดีโอนที่ดิน ๔ แปลงตามคำร้องขอให้ยกคำร้องของผู้ร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ออกคำบังคับไปยังจำเลยให้โอนที่ดินทั้ง ๔ แปลงตามคำร้องของผู้ร้องให้แก่ผู้ร้องภายในกำหนด ๓๐ วัน
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าผู้ร้องไม่มีสิทธิที่จะขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี จดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินตามคำพิพากษาศาลฎีกาให้แก่ผู้ร้อง เพราะผู้ร้องไม่ใช่คู่ความหรือบุคคลซึ่งเป็นฝ่ายชนะคดี และผู้ร้องไม่ได้ขอเข้ามาเป็นคู่ความแทนที่โจทก์ผู้มรณะ เห็นว่า เมื่อศาลฎีกาพิพากษาคดีแล้วต่อมาโจทก์ถึงแก่ความตายกรณีจึงไม่อยู่ในบังคับของประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๔๒ ผู้ร้องซึ่งเป็นผู้จัดการมรดกของโจทก์ย่อมมีสิทธิขอดำเนินการบังคับคดีต่อไปได้
ที่จำเลยฎีกาว่า การบังคับคดีจะพึงกระทำทำได้เฉพาะที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๘๔ เท่านั้น ผู้ร้องจะขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินโฉนดอื่น รวม ๔ แปลงดังกล่าวที่ผู้ร้องอ้างในคำร้องนั้นได้แบ่งแยกมาจากที่ดินโฉนดเลขที่ ๑๘๘๔ ประกอบกับข้อเท็จจริงปรากฏว่า จำเลยกับพวกได้นำที่ดินไปแบ่งเป็นแปลงเล็กๆ ออกจำหน่ายเป็นเวลานานมาแล้ว และไม่ปรากฏว่า ยังมีที่ดินส่วนอื่นนอกจากที่ดิน ๔ แปลงนี้ ซึ่งได้มีการอายัดไว้อีก ทั้งจำเลยก็ไม่ได้เสนอที่ดินส่วนอื่นให้โจทก์ ดังนั้น คำร้องที่ผู้ร้องขอให้บังคับคดีจึงไม่ได้เป็นการร้องขอให้ศาลชั้นต้นมีคำสั่งแจ้งให้เจ้าพนักงานที่ดินจดทะเบียนโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินอื่นนอกไปจากที่กล่าวในคำพิพากษาและคำบังคับแต่อย่างใด ทั้งไม่เป็นการพิพากษาและบังคับคดีนอกไปจากคำฟ้องและคำขอท้ายฟ้องตามที่จำเลยกล่าวอ้างการที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้จำเลยโอนที่ดินทั้ง ๔ แปลงดังกล่าวให้ผูร้อง จึงชอบแล้ว
พิพากษายืน.

Share