คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3031/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างระบุชัดว่าให้จำเลยนำเงินสมทบเข้าฝากธนาคารในบัญชีเงินฝากสะสมของพนักงาน ซึ่งจำเลยได้ฝากเงินสะสมไว้ที่ธนาคาร ช. ในบัญชีเงินสำรองเลี้ยงชีพจำเลยก็ต้องฝากเงินสมทบเข้าบัญชีดังกล่าวที่ธนาคาร ช. จะฝากในนามจำเลยหรือฝากที่ธนาคารอื่นหาได้ไม่ และเมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเพียงแต่ให้จำเลยนำเงินสมทบเข้าฝากธนาคารเท่านั้น ข้อกำหนดอื่นจึงคงเป็นไปตามระเบียบเดิมที่กำหนดให้จำเลยจ่ายเงินสมทบแก่พนักงานเมื่อลาออกหรือเกษียณอายุ พนักงานที่ถูกลงโทษปลดออกไม่มีสิทธิได้รับเงินนี้ดังนั้น เงินสมทบจะตกเป็นของพนักงานเมื่อออกจากงานแล้วสิทธิในเงินสมทบยังเป็นของจำเลย ดอกเบี้ยของเงินดังกล่าวจึงเป็นของจำเลย หาใช่เป็นของพนักงานไม่

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า เดิมบริษัทจำเลยมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างในเรื่องเงินสมทบว่า จำเลยจะจ่ายเงินสมทบให้พนักงานที่มีอายุการทำงาน 5 ปีขึ้นไปดังนี้ ทำงานครบ 5 ปี มีสิทธิได้รับเงินสมทบร้อยละห้าสิบไปจนถึงทำงานครบ20 ปี มีสิทธิไได้รับเงินสมทบร้อยละสองร้อยยี่สิบห้าของเงินสะสม จำเลยจะจ่ายเงินสมทบแก่พนักงานเมื่อลาออกหรือเมื่อครบเกษียณอายุ พนักงานที่มีความผิดและถูกลงโทษปลดออกจะไม่มีสิทธิได้รับเงินสะสม แล้วโจทก์ได้ยื่นข้อเรียกร้องแก่จำเลยให้จำเลยนำเงินสมทบที่พนักงานมีสิทธิจะได้รับเข้าฝากธนาคารในบัญชีเงินฝากสะสมของพนักงานทุกปี โจทก์จำเลยเจรจากันแล้วตกลงกันได้ว่า จำเลยตกลงตามที่ขอโดยจำเลยได้มอบให้โจทก์ไปพิจารณาว่าจะเป็นผลกระทบกระเทือนต่อการเสียภาษีเงินได้ของพนักงานหรือไม่ จำเลยได้นำข้อตกลงไปจดทะเบียนแล้ว หลังจากนั้นโจทก์พิจารณาแล้วเห็นว่า การให้จำเลยนำเงินสมทบเข้าฝากธนาคารไม่เป็นผลกระทบกระเทือนต่อการเสียภาษีเงินได้ของพนักงานทั้งจะเป็นประโยชน์อีก จึงได้แจ้งให้จำเลยนำเงินสมทบฝากเข้าธนาคารในบัญชีเงินฝากสะสมของพนักงานตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง แต่จำเลยไม่ปฏิบัติตาม ขอศาลพิพากษาให้จำเลยนำเงินสมทบของพนักงานฝากเข้าธนาคารในบัญชีเงินฝากสะสมของพนักงานทุกปี ให้จำเลยจ่ายเงินสมทบตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างนับแต่วันที่มีการตกลงกันจนกระทั่งถึงวันฟ้อง ให้จำเลยจ่ายดอกเบี้ยในอัตราเท่ากับที่ธนาคารพาณิชย์จ่ายให้แก่ลูกค้าที่ฝากเงินประจำของธนาคารจากยอดเงินสมทบที่จำเลยจะพึงต้องจ่าย

จำเลยให้การว่า ตามระเบียบข้อบังคับจำเลยจะจ่ายเงินสมทบให้ต่อเมื่อพนักงานผู้นั้นลาออกหรือเกษียณอายุ พนักงานที่มีความผิดและถูกลงโทษปลดออกจะไม่มีสิทธิรับเงินสมทบ ฉะนั้น พนักงานที่กำลังปฏิบัติงานอยู่กับจำเลยยังไม่มีสิทธิได้รับเงินสมทบ โจทก์จึงไม่มีสิทธิบังคับจำเลยให้นำเงินสมทบฝากธนาคารโดยเข้าบัญชีของพนักงานแต่ละคนทั้งเงินสมทบนี้ยังเป็นกรรมสิทธิ์ของจำเลยตราบเท่าที่พนักงานแต่ละคนได้ปฏิบัติงานอยู่กับจำเลย ดอกผลของเงินสมทบจึงเป็นของจำเลย จำเลยไม่ต้องจ่ายดอกผลของเงินสมทบให้แก่โจทก์ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างเพียงให้จำเลยนำเงินสมทบของพนักงานทั้งหมดเข้าฝากธนาคารในบัญชีเงินฝากของบริษัทจำเลยเท่านั้น หาใช่ให้นำฝากในนามของพนักงานแต่ละคนไม่ ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยนำเงินสมทบที่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตามอัตราของอายุการทำงานตามข้อตกลงเข้าฝากธนาคารเชสแมนฮัตตันในบัญชีเงินฝากสะสมของลูกจ้างในลักษณะเดียวกับเงินฝากสะสม คำขออื่นของโจทก์ให้ยกเสีย

โจทก์และจำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า โจทก์ยื่นข้อเรียกร้องมีข้อความว่า”ให้บริษัทฯ นำเงินสมทบที่พนักงานมีสิทธิจะได้รับเงินตามข้อ 8.1 ฝากเข้าธนาคารในบัญชีเงินฝากสะสมของพนักงานทุกปี” แล้วโจทก์จำเลยตกลงกันว่า”บริษัทฯ ตกลงตามที่ขอมา โดยบริษัทได้มอบให้สหภาพนำไปพิจารณาว่าจะเป็นผลกระทบกระเทือนต่อการเสียภาษีเงินได้ของพนักงานหรือไม่ หากไม่เป็นผลกระทบกระเทือนจึงจะดำเนินการ” ดังนี้ ข้อความในข้อเรียกร้องที่จำเลยตกลงตามระบุชัดว่าให้จำเลยนำเงินสมทบฝากเข้าธนาคารในบัญชีเงินฝากสะสมของพนักงาน เมื่อได้ความว่าจำเลยได้ฝากเงินสะสมของพนักงานไว้ที่ธนาคารเชสแมนฮัตตัน เรียกว่าบัญชีเงินสำรองเลี้ยงชีพ จำเลยก็ต้องฝากเงินสมทบเข้าบัญชีเงินสำรองเลี้ยงชีพที่ธนาคารเชสแมนฮัตตันนั่นเอง จะฝากในนามจำเลยหรือฝากที่ธนาคารอื่นตามแต่จำเลยจะเห็นสมควรหาได้ไม่

ข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างที่โจทก์จำเลยตกลงกันใหม่ เพียงแต่ให้จำเลยนำเงินสมทบที่พนักงานมีสิทธิจะได้รับฝากเข้าธนาคารในบัญชีเงินสะสมของพนักงานทุกปีเท่านั้น ข้อกำหนดอื่นจึงคงเป็นไปตามระเบียบที่ใช้อยู่เดิม ปรากฏว่าระเบียบเดิมกำหนดว่าจำเลยจะจ่ายเงินสมทบให้พนักงานเมื่อลาออกหรือเกษียณอายุ เป็นจำนวนตามอัตราร้อยละของจำนวนเงินสะสมโดยเพิ่มสูงขึ้นตามอายุการทำงานที่กำหนดไว้ และพนักงานที่มีความผิดและถูกลงโทษปลดออกจะไม่มีสิทธิได้รับเงินสมทบ ดังนี้ เห็นได้ว่าเงินสมทบจะตกเป็นของลูกจ้างก็ต่อเมื่อลูกจ้างออกจากงานแล้ว ฉะนั้น แม้ตามข้อตกลงใหม่จะกำหนดให้จำเลยต้องนำเงินสมทบเข้าฝากธนาคารไว้ก่อน สิทธิในเงินสมทบที่นำเข้าฝากธนาคารก็ยังเป็นของจำเลยตลอดมา ดอกเบี้ยของเงินดังกล่าวจึงต้องเป็นของจำเลย หาใช่ของลูกจ้างไม่ ที่โจทก์อ้างว่าการที่โจทก์จำเลยตกลงกันให้นำเงินสมทบเงินฝากธนาคารแสดงให้เห็นว่ามีเจตนาให้เงินสมทบเป็นกรรมสิทธิ์ของลูกจ้าง ดอกเบี้ยของเงินส่วนนี้จึงเป็นของลูกจ้าง เห็นว่าหามีข้อความใดแสดงให้เห็นเจตนาของโจทก์จำเลยดังโจทก์อ้างไม่ ความตกลงระหว่างโจทก์จำเลยที่ให้นำเงินสมทบเข้าฝากธนาคารอาจเพียงเพื่อให้ลูกจ้างมั่นใจว่าจำเลยมีเงินสมทบจ่ายให้ลูกจ้างได้แน่นอนเมื่อลูกจ้างออกจากงานก็ได้และที่โจทก์อ้างว่าเมื่อเงินสมทบเข้าฝากธนาคารดอกเบี้ยของเงินสมทบต้องตกเป็นของลูกจ้างทำนองเดียวกับเงินสะสมนั้น เห็นว่า เงินสะสมเป็นเงินที่หักจากเงินเดือนของลูกจ้าง จึงเป็นเงินของลูกจ้างจะนำมาเปรียบเทียบกับเงินสมทบซึ่งยังเป็นของจำเลยหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share