แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
การที่จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จนขาดออกเป็นชิ้น ๆ โจทก์ร่วมต้องเอามาต่อติดกันจึงอ่านข้อความได้ เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยได้ทำให้สัญญากู้เสียหายแล้ว หาจำต้องทำให้สูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับจนกระทั่งไม่มีรูปเป็นเอกสารไม่ เข้าเกณฑ์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 188 แล้ว
เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยเพทุบายกล่าวเอาหนังสือสัญญากู้ระหว่างจำเลยผู้กู้และนายฝนผู้เสียหายผู้ให้กู้ไปฉีกทำลายเสียเป็นชิ้น ๆ โดยประการที่ทำให้เกิดความเสียหายแก่นายฝนขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ ให้จำคุก ๒ ปี
จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จริง และเห็นว่าการที่จำเลยได้ฉีกสัญญากู้จนขาดออกเป็นชิ้น ๆ โจทก์ร่วมต้องเอามาต่อติดกันจึงอ่านข้อความได้เช่นนี้ เรียกได้ว่าจำเลยได้ทำให้สัญญากู้เสียหายแล้ว หาจำต้องทำให้สูญสิ้นไปหมดทั้งฉบับจนกระทั่งไม่มีรูปเป็นเอกสารไม่เพียงแต่ฉีกสัญญาขาดออกจากกันก็เป็นการกระทำอันน่าจะเกิดความเสียหายแก่โจทก์ร่วม เข้าเกณฑ์อันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๘๘ แล้ว หาใช่จะต้องฉีกทำลายจนใช้ไม่ได้ผลไม่ ตามนัยคำพิพากษาฎีกาที่ ๑๔๑๘/๒๕๐๖ ที่จำเลยฎีกาว่าการกระทำของจำเลยยังอยู่ในชั้นพยายามนั้น เห็นว่า เมื่อจำเลยได้ฉีกสัญญาขาดออกจากกันแล้ว การกระทำของจำเลยย่อมเป็นความผิดสำเร็จครบถ้วนองค์ความผิดแล้ว หาใช่อยู่ในขั้นเพียงพยายามกระทำผิดไม่ แต่ที่ศาลชั้นต้นวางกำหนดโทษจำคุกจำเลยไว้ ๒ ปีนั้น มากเกินไป ทั้งจำเลยในคดีนี้ก็เป็นหญิง
พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้นเฉพาะกำหนดโทษ เป็นว่า ให้จำคุกจำเลย ๑ ปี นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น ส่วนที่จำเลยขอให้รอการลงโทษแก่จำเลยด้วยนั้น เห็นว่า ยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะรอการลงโทษให้จำเลยได้