คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 1409/2513

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ขอแบ่งสินสมรสจากจำเลย ก็ได้อ้างถึงคดีอื่นที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลยว่าศาลพิพากษาให้หย่ากันแล้วตามคดีแดงที่ 91/2512 ของศาลชั้นต้น แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เลยว่า คดีฟ้องหย่าดังกล่าวจำเลยได้อุทธรณ์อยู่ คงต่อสู้แต่ในเรื่องทรัพย์และการแบ่งทรัพย์ และยังอ้างถึงสินสมรสอีก 3 รายการ ที่โจทก์มิได้ฟ้อง ว่าโจทก์ควรนำมาแบ่งกันให้เสร็จไป โดยมีคำขอให้ศาลเปรียบเทียบให้คดีเสร็จไปด้วย เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริง และโจทก์จำเลยตกลงกันได้ในทรัพย์บางรายการแล้ว ศาลจึงสั่งงดสืบพยาน และพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ที่พิพาทกันนี้ ซึ่งถึงที่สุดแล้ว จำเลยจะมาขอให้งดการบังคับคดีโดยอ้างว่าขอให้รอคดีฟ้องหย่าถึงที่สุดเสียก่อนไม่ได้ กรณีไม่เข้าเหตุที่ศาลจะงดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 292, 293, 294 หรือ มาตรา 296 ประการใด

ย่อยาว

คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ตามบัญชีท้ายฟ้องให้โจทก์จำเลยคนละครึ่ง ถ้าแบ่งไม่ได้ ให้ประมูลราคาระหว่างโจทก์จำเลย หากประมูลไม่ได้ ให้จัดการขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่ง
โจทก์จำเลยไม่อุทธรณ์
ต่อมาโจทก์ยื่นคำร้องว่า ทรัพย์อันดับที่ ๑ ถึง ๖ และที่ ๘, ๙, ๑๓, ๑๕ ไม่อาจแบ่งกันได้ ขอให้ศาลมีการประมูลระหว่างโจทก์จำเลย ถ้าประมูลไม่ได้ ขอให้จัดการขายทอดตลาดเอาเงินแบ่งกันคนละครึ่ง
จำเลยยื่นคำแถลงว่า แม้คดีจะถึงที่สุดแล้ว แต่คดีฟ้องหย่ายังไม่ถึงที่สุด คดีอยู่ระหว่างอุทธรณ์ ถ้าศาลอุทธรณ์พิพากษายกฟ้องโจทก์ ทรัพย์พิพาทอันเป็นสินสมรสก็ไม่อาจจะแบ่งกันตามคำพิพากษาคดีนี้ จำเลยเห็นสมควรต้องงดรอฟังผลคดีฟ้องหย่าเสียก่อน
ศาลชั้นต้นนัดพร้อม แล้วมีคำสั่งว่าโจทก์จำเลยทราบคำพิพากษาและคำบังคับแล้ว จึงให้ประมูลทรัพย์ตามคำพิพากษาในวันที่ ๑๑ เดือนหน้า (พฤษภาคม ๒๕๑๓) เวลา ๑๑.๐๐ นาฬิกา
จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ขอแบ่งสินสมรสจากจำเลย ก็ได้อ้างถึงคดีอื่นที่โจทก์ฟ้องหย่าจำเลย ว่าศาลพิพากษาให้หย่ากันแล้วตามคดีแดงที่ ๙๑/๒๕๑๒ ของศาลชั้นต้น แต่จำเลยมิได้ให้การต่อสู้เลยว่าคดีฟ้องหย่าดังกล่าวจำเลยได้อุทธรณ์อยู่ คงต่อสู้แต่ในเรื่องทรัพย์และการแบ่งทรัพย์ และยังอ้างถึงสินสมรสอีก ๓ รายการที่โจทก์มิได้ฟ้อง ว่าโจทก์ควรนำมาแบ่งกันให้เสร็จไป โดยมีคำขอให้ศาลเปรียบเทียบให้คดีเสร็จไปด้วย เมื่อศาลชั้นต้นสอบถามข้อเท็จจริง และโจทก์จำเลยตกลงกันได้ในทรัพย์บางรายการแล้ว ศาลก็สั่งงดสืบพยาน และพิพากษาให้แบ่งทรัพย์ที่พิพาทกันนี้ซึ่งถึงที่สุดแล้ว จำเลยจะมาขอให้งดการบังคับคดีโดยอ้างว่า ขอให้รอคดีฟ้องหย่าถึงที่สุดเสียก่อนไม่ได้ กรณีไม่เข้าเหตุที่ศาลจะงดการบังคับคดีตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๙๒, ๒๙๓, ๒๙๔ หรือมาตรา ๒๙๖ ประการใด และตามพฤติการณ์ในคดีก็ไม่มีเหตุผลสมควรที่ศาลจะงดการบังคับคดี
พิพากษายืน

Share