แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ย. ทำสัญญาขายผลลำไยกับโจทก์มีกำหนด 10 ปี โดยให้โจทก์เป็นผู้เก็บผลลำไยเองจากต้นในสวนของ บ. และตลอดเวลาที่โจทก์เก็บผลลำไยยังไม่ครบกำหนด บ. จะไม่ขายที่ดินสวนลำไยแก่ผู้ใด โจทก์เข้าเก็บผลลำไยตามสัญญาได้ 3 ปี แล้วต่อมา บ. จดทะเบียนโอนขายที่ดินสวนลำไยให้แก่จำเลย ดังนี้ สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์และ บ. เป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิซึ่งมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จะใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหาได้ไม่ ฉะนั้น ถึงแม้ว่าจำเลยจะทราบถึงข้อตกลงในสัญญา และต่อมาจำเลยยังยอมให้โจทก์เข้าเก็บผลลำไยอีก 2 ปีก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาในตอนหลัง โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะนำเอาข้อตกลงนั้นมาใช้บังคับแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินไม่ เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ไว้เป็นพิเศษในสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับ บ. นั้น ตกติดและมีผลบังคับจำเลยผู้รับโอนด้วย
ย่อยาว
คดีนี้ โจทก์ฟ้องว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๑ นางบัวชุม ละวี่ธง ได้ตกลงกับโจทก์ขายผลลำไยจากต้นซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินมีโฉนด อันเป็นกรรมสิทธิ์ของนางบัวชุมมีกำหนด ๑๐ ปี เป็นเงิน ๕,๐๐๐ บาท โดยให้โจทก์เก็บผลลำไยจากต้นในสวนนั้นได้เอง ถ้าปีใดลำไยไม่ออกผล หรืออกผลแต่ได้ปริมาณน้อย ไม่พอใจของโจทก์ ไม่ถือว่ามีการส่งมอบและรับมอบผลลำไยกันสำหรับปีนั้น นางบัวชุมสัญญาว่าตลอดเวลาที่โจทก์เก็บผลลำไยยังไม่ครบกำหนดเวลา นางบัวชุมจะไม่ขายที่ดินสวนลำไยแก่ผู้ใดเด็ดขาด นางบัวชุมได้รับเงินค่าขายลำไยจากโจทก์ไปแล้ว ๕,๐๐๐ บาท ในปี พ.ศ. ๒๕๐๑ และ ๒๕๐๒ ต้นลำไยออกผลน้อย จึงไม่มีการเก็บผลลำไย โจทก์คงเก็บผลลำไยได้ตามสัญญาในปี พ.ศ. ๒๕๐๓, ๒๕๐๔ และ ๒๕๐๕ ครั้นปี พ.ศ. ๒๕๐๖ ลำไยไม่ออกผล นางบัวชุมและจำเลยได้ตกลงกับโจทก์ว่า นางบัวชุมจะเอาที่ดินสวนลำไยซึ่งนางบัวชุมมีสัญญาผูกพันขายผลลำไยกับโจทก์นี้ แลกเปลี่ยนกับที่ดินของจำเลยแปลงหนึ่ง โดยจำเลยรับเอาสวนของนางบัวชุมไปทั้งสิทธิและหน้าที่ในอันที่จะต้องยอมให้โจทก์ใช้สิทธิเก็บผลลำไยในสวนที่รับโอนต่อไปตามสัญญาที่นางบัวชุมมีอยู่ต่อโจทก์ทุกประการ และจำเลยได้รู้ถึงข้อสัญญาระหว่างโจทก์กับนางบัวชุมโดยตลอดแล้ว โจทก์ใช้สิทธิเก็บผลลำไยในสวนดังกล่าว ปี พ.ศ. ๒๕๐๗ และ ๒๕๐๘ และโจทก์ยังมีสิทธิเก็บผลลำไยต่อไปอีก ๕ ปี ในปี พ.ศ. ๒๕๐๙ ลำไยไม่ออกผล จึงไม่เก็บ ครั้นต่อมาในปี พ.ศ. ๒๕๑๐ ต้นลำไยในสวนออกผลมีปริมาณพอเก็บได้ แต่จำเลยได้กระทำละเมิดต่อสิทธิของโจทก์ โดยจำเลยเก็บผลลำไยเสียเอง ทำให้โจทก์เสียหาย ขาดผลประโยชน์ ต่อมาจำเลยได้โอนขายสวนลำไยดังกล่าวให้แก่บุคคลอื่นต่อไปอีก เพื่อหลีกเลี่ยงการผูกพันตามข้อสัญญานั้น ขอให้จำเลยคืนเงินทุนที่โจทก์เสียไปในการตกลงซื้อผลลำไยสำหรับระยะเวลา ๕ ปี ที่ยังไม่ได้เก็บผลและชดใช้ค่าเสียหายที่โจทก์ขาดประโยชน์
จำเลยให้การว่า ตามสัญญานั้นเป็นเรื่องโจทก์ผูกพันกับนางบัวชุม โดยจำเลยมิได้มีนิติสัมพันธ์กับโจทก์เลย จำเลยมิได้ตกลงรับเอาสิทธิและหน้าที่ในอันที่จะยอมให้โจทก์เก็บผลลำไยแต่อย่างใด จำเลยแลกเปลี่ยนที่ดินกับนางบัวชุมโดยสุจริต และจดทะเบียนต่อเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย ไม่ปรากฏว่าที่ดินของนางบัวชุมมีภาระติดพันใด ๆ ทางทะเบียนอันจะทำให้จำเลยต้องผูกพันกับโจทก์ จำเลยโอนขายสวนลำไยพิพาทให้แก่บุคคลภายนอกโดยจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมาย จำเลยจึงมิใช่เจ้าของกรรมสิทธิ์สวนลำไยพิพาท จำเลยมิได้ละเมิดสิทธิของโจทก์ โจทก์ไม่ได้รับความเสียหาย
ก่อนสืบพยาน โจทก์จำเลยแถลงรับข้อเท็จจริงในรายงานกระบวนพิจารณา ดังนี้
๑. ที่ดินสวนลำไยพิพาทเป็นที่มีโฉนด เดิมเป็นของนางบัวชุม แล้วนางบัวชุมเอาไปแลกกับที่ดินแปลงอื่นของจำเลย ขณะโอนมาเป็นของจำเลย โฉนดไม่มีระบุภาระผูกพัน และก่อนฟ้องคดีนี้ที่ดินดังกล่าวได้โอนจากจำเลยไปเป็นของผู้อื่นแล้ว
๒. ในขณะที่นางบัวชุมยังเป็นเจ้าของที่ดินสวนลำไยพิพาท นางบัวชุมได้ทำสัญญาขายผลลำไยให้โจทก์ตามสัญญาขายผลลำไยและจำเลยก็ทราบ
๓. โจทก์เข้าเก็บผลลำไยตามสัญญาในขณะที่ที่ดินสวนลำไยยังเป็นของนางบัวชุม ๓ ครั้ง (๓ ฤดูลำไย) พอที่ดินตกมาเป็นของจำเลย จำเลยก็ยังยอมให้โจทก์เข้าเก็บผลลำไยอีก ๒ ครั้ง (๒ ฤดูลำไย)
๔. โจทก์จำเลยไม่เคยทำสัญญาซื้อขายผลลำไยต่อกัน
๕. ถ้าโจทก์ชนะคดีนี้ จำเลยยอมให้ค่าเสียหาย ๑๐,๐๐๐ บาท ถ้าโจทก์แพ้ไม่คิดค่าเสียหาย
คู่ความทั้งสองฝ่ายไม่ขอสืบพยาน ขอให้ศาลวินิจฉัยคดีไปตามข้อเท็จจริงในสำนวน
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์กับนางบัวชุมไม่ผูกพันจำเลย พิพากษายกฟ้องให้โจทก์ใช้ค่าฤชาธรรมเนียมและค่าทนายความ ๖๐๐ บาท แทนจำเลย
โจทก์อุทธรณ์ในเนื้อหาแห่งคดีตลอดถึงค่าฤชาธรรมเนียมด้วย
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลชั้นต้น เฉพาะในเรื่องค่าทนายความ โดยให้โจทก์เสียค่าทนายความแทนจำเลย ๓๐๐ บาท นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา มีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยว่า สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์และนางบัวชุม ซึ่งจำเลยทราบถึงข้อตกลงในสัญญา มีผลผูกพันจำเลยผู้รับโอนสวนลำไยจากนางบัวชุม ให้ต้องรับผิดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามสัญญาซื้อขายผลลำไยดังกล่าวหรือไม่
ศาลฎีกาเห็นว่า สัญญาซื้อขายผลลำไยระหว่างโจทก์และนางบัวชุมเป็นสัญญาที่ก่อให้เกิดบุคคลสิทธิซึ่งมีผลผูกพันเฉพาะคู่กรณีเท่านั้น จะใช้ยันจำเลยซึ่งเป็นบุคคลภายนอกหาได้ไม่ ถึงแม้ว่าจำเลยผู้รับโอนสวนลำไยจะทราบถึงข้อตกลงตามสัญญา และภายหลังเมื่อรับโอนที่ดินนั้นแล้ว จำเลยยังยอมให้โจทก์เก็บผลลำไยต่อมาอีก ๒ ปีก็ตาม แต่เมื่อจำเลยไม่ยอมปฏิบัติตามข้อตกลงในสัญญาดังกล่าวในตอนหลัง โจทก์ก็หามีสิทธิที่จะนำเอาข้อตกลงนั้นมาใช้บังคับแก่จำเลยซึ่งเป็นผู้รับโอนที่ดินไม่ เพราะไม่มีกฎหมายรับรองสิทธิของโจทก์ไว้เป็นพิเศษในสัญญาที่โจทก์ทำไว้กับนางบัวชุมนั้นตกติดและมีผลบังคับจำเลยผู้รับโอนด้วย ฉะนั้น การที่จำเลยเก็บผลลำไยจากต้นลำไยซึ่งปลูกอยู่ในที่ดินของจำเลยเอง จึงไม่เป็นการละเมิดสิทธิโจทก์ ส่วนที่โจทก์ต้องเสียหายเกี่ยวกับการกระทำของนางบัวชุมอย่างไร โจทก์ก็ชอบที่จะไปว่ากล่าวเอากับนางบัวชุมผู้เป็นคู่สัญญาเป็นอีกรกณีหนึ่งต่างหาก
พิพากษายืน