คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 303/2499

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ระหว่างเป็นผู้เยาว์โจทก์มีชกรรมสิทธิ์ร่วมในห้องพิพาทร่วมกับจำเลยที่ 2 เมื่อจำเลยที่ 2 ได้ขายห้องพิพาทนี้โดยจำเลยที่ 2 มิได้แสดงกรรมสิทธิรวมแต่ประการใด โจทก์ก็ได้ลงนามรับรองในหนังสือซื้อขายนั้นด้วย ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ฟ้องขับไล่บุคคลภายนอกออกจากห้องพิพาทจนได้คืนห้องพิพาทมา.โจทก์ก็มิได้คัดค้าน แสดงว่าโจทก์ได้จงใจรับรู้ให้จำเลยที่ 1 แสดงตนเป็นเจ้าของห้องพิพาทมาตั้งแต่ต้นกระทำให้จำเลย หลงผิดว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลยที่ 2 ดังนั้น โจทก์จะอ้างสิทธิแห่งความเป็นผู้เยาว์มาเพิกถอนการซื้อขายห้องพิพาทระหว่างจำเลยทั้งสอง และขอให้ศาลสั่งว่าโจทก์มีกรรมสิทธิคนละครึ่งกับจำเลยที่ 2 ย่อมไม่ได้.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินและห้องแถวตามโฉนดที่ ๓๕๙๗ อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา ราคา ๖,๐๐๐ บาท กับมีห้องแถว ๑ หลัง ๔ ห้องครึ่งปลูกอยู่บนที่ดินดังกล่าว ราคา ๑๔,๐๐๐ บาท โดยได้รับมรดกจากนางสายมารดาร่วมกับนายสงวนจำเลยที่ ๒ โจทก์มีส่วนได้รับมรดกคิดเป็นเงิน ๑๐๐๐๐ บาท
ขณะโจทก์ยังเป็นผู้เยาว์อยู่ จำเลยทั้ง ๒ สมคบกันฉ้อโกงโจทก์ โดยจำเลยที่ ๒ ทำการโอนขายที่ดินมรดกเฉพาะส่วนและห้องแถว ๓ ห้องให้แก่จำเลยที่ ๑ เป็นเงิน ๑๑,๐๐๐ บาท ซึ่งเกินกว่าส่วนกรรมสิทธิ์ที่จำเลยที่ ๒ ได้รับมรดก ขอให้ศาลสั่งแสดงว่าโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิที่ดินและห้องแถวตามโฉนดที่ ๓๕๙๗ คนละครึ่งกับจำเลยที่ ๒ นิติกรรมซื้อขายระหว่างจำเลยที่ ๒ กับจำเลยที่ ๑ ในส่วนที่เกินครึ่งจากมรดกที่จำเลยที่ ๒ ได้รับเป็นโมฆะ และให้ศาลสั่งล้างนิติกรรมซื้อขายส่วนที่เกินนั้นเสีย
จำเลยที่ ๑ ต่อสู้ว่าได้ซื้อที่พิพาทไว้โดยชอบด้วย ก.ม. โจทก์ได้เซ็นรับรู้การขายทรัพย์พิพาท ฯลฯ และตัดฟ้องว่าโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง เป็นฟ้องซ้ำ
จำเลยที่ ๒ ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าที่ดินเฉพาะส่วนและห้องแถว ๑ ห้องครึ่งตามโฉนดที่ ๓๕๙๗ (ซึ่งมิได้ขายให้แก่จำเลยที่ ๑) เป็นของโจทก์ คำขอของโจทก์ในข้ออื่น ๆ ให้ยก
โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาฟังว่านางสายทำพินัยกรรมยกห้องแถวพร้อมที่ดินให้โจทก์ ๑ ห้องครึ่ง ให้จำเลยที่ ๒ สอห้อง อีกห้องหนึ่งไม่ได้ยกให้แก่ใครซึ่งนายซิวหยูเช่าอยู่นี้ให้โจทก์กับจำเลยที่ ๒ มีส่วนอยู่คนละครึ่ง ปัญหาคงมีว่าเมื่อจำเลยที่ ๒ โอนขายให้แก่จำเลยที่ ๑ ไปหมดทั้ง ๓ ห้อง เท่ากับโอนขายส่วนของโจทก์ครึ่งห้องให้แก่จำเลยที่ ๑ ไปด้วยนั้นจะใช้ได้เพียงไร เมื่อคดีได้ความว่าเมื่อจำเลยที่ ๒ ขายห้องพิพาทให้แก่จำเลยที่ ๑ โจทก์ก็ได้ลงนามรับรองในสัญญาซื้อขายนั้น, จนกระทั่งจำเลยที่ ๑ ฟ้องขับไล่นายหยูและได้ห้องแถวกลับคืนมาในครอบครอง โจทก์ก็มิได้คัดค้าน โจทก์ก็ปล่อยปละละเลยในจำเลยที่ ๑ แสดงตนเป็นเจ้าของห้องพิพาทมาตั้งแต่ต้นกระทำให้จำเลยที่ ๑ หลงผิดว่าห้องพิพาทเป็นของจำเลยที่ ๒ ซึ่งจำเลยที่ ๒ มิได้แสดงกรรมสิทธิร่วมแต่ประการใด ณะบัดนี้โจทก์จะถือโอกาสแห่งความเป็นผู้เยาว์มาขอแบ่งจึงไม่ชอบด้วยทำนองคลองธรรม
พิพากษายืนตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share