แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตำรวจตรวจค้นได้เครื่องรับส่งวิทยุและเครื่องอุปกรณ์ อยู่บนบ้าน ขณะค้นเจ้าของบ้านไม่อยู่ คงอยู่แต่ภรรยาเจ้าของบ้านโจทก์ไม่มีพยานหลักฐานแต่อย่างใดเลยว่า ภรรยาเจ้าของบ้านได้เกี่ยวข้องกับวิทยุของกลาง นอกจากคำของภรรยายเจ้าของบ้านเองว่ามีคนอื่นมาเช่าห้องเล็กชั้นบนนั้น โดยบอกว่าได้พูดตกลงกับสามีแล้ว แล้วก็ชนของกลางมา รูปคดีเพียงเท่านี้จะเอาผิดแก่ภรรยาฐานมีวิทยุของกลางไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตไม่ได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยสมคบกันมีเครื่องรับส่งวิทยุ และส่วนประกอบตามบัญชีท้ายฟ้องไว้ ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าพนักงาน ขอให้ลงโทษและริบของกลาง
จำเลยปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษจำเลยที่ ๑ ตามพ.ร.บ. วิทยุสิ่งสาร พ.ศ.๒๔๗๘ มาตรา ๕,๑๔,๑๗,๑๘ พ.ร.บ.วิทยุสื่อสาร พ.ศ.๒๔๙๑ มาตรา ๔ ปรับ ๑๐๐๐ บาท ส่วนจำเลยที่ ๒ ไม่พอฟังลงโทษได้ ให้ยกฟ้องของกลางริบ
จำเลยที่ ๑ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ให้ปล่อยจำเลยที่ ๑ ด้วย
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เรื่องนี้ข้อเท็จจริงปรากฎว่า นายเซี้ยสามีจำเลยที่ ๑ เป็นเจ้าของบ้าน เมื่อตำรวจไปจับนายเซี้ยวไม่อยู่ในบ้านขณะนั้น ตำรวจจึงได้จำเลยที่ ๑ ผู้เป็นภรรยาของนายเซี้ยวมา โจทก์ไม่มีพยานหลักฐานแต่อย่างใดเลยว่า จำเลยที่ ๑ ได้เกี่ยวข้องกับวิทยุของกลางนั้นนอกจากคำของจำเลยที่ ๑ เองว่ามีชายจีนผู้หนึ่งมาเช่าห้องเล็กชั้นบนนั้น โดยบอกว่าได้พูดตกลงกับนายเซี้ยวผู้สามีแล้ว แล้วก็ขนของกลางมา รูปคดีเพียงเท่านี้จะเอาผิดแก่ภรรยาฐานมีวิทยุของกลางนั้นไว้โดยไม่ได้รับอนุญาตยังไม่ได้
จึงพิพากษายืน