แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ผู้ร้องเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาร่วมกับลูกหนี้(จำเลย)เมื่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องเนื่องจากเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ไว้เต็มจำนวนตามพระราชบัญญัติล้มละลายฯมาตรา101แล้วแม้ต่อมาผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ผู้ร้องก็ไม่มีสิทธิที่จะยื่นคำร้องขอรับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่ยื่นไว้แล้วเพราะไม่มีบทบัญญัติในพระราชบัญญัติล้มละลายฯบัญญัติให้กระทำได้และหากจะถือว่าเป็นคำขอรับชำระหนี้ในฐานะผู้ร้องเป็นผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ก็พ้นกำหนดเวลายื่นคำขอรับชำระหนี้ตามพระราชบัญญัติ ล้มละลายฯมาตรา27,91แล้วผู้ร้องจึงขอเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ไม่ได้
ย่อยาว
คดีสืบเนื่องมาจากศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของจำเลย (ลูกหนี้) เด็ดขาด เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2535
ผู้ร้องยื่นคำร้องว่า ผู้ร้องกับลูกหนี้เป็นลูกหนี้โจทก์(เจ้าหนี้) ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 12414/2531ของศาลชั้นต้น ซึ่งพิพากษาให้ร่วมรับผิดในฐานะผู้ร้องเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงิน ต่อมาผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งดังกล่าวเป็นเงิน 18,147,862.26 บาทและยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อผู้คัดค้าน ผู้คัดค้านมีคำสั่ง ให้ยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง โดยอ้างว่าเจ้าหนี้ได้ใช้สิทธิขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาไว้เต็มจำนวนแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลายพ.ศ. 2483 มาตรา 101 ผู้ร้องจึงยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม2536 ขอเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำร้องขอเข้ารับช่วงสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องไม่เห็นด้วยกับคำสั่งของผู้คัดค้านดังกล่าว เพราะเมื่อผู้ร้องได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้และเจ้าหนี้มิได้ถอนคำขอรับชำระหนี้ ผู้ร้องจึงขอเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ได้ ขอให้ศาลมีคำสั่งให้ผู้ร้องเข้ารับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ มีสิทธิได้รับชำระหนี้ตามคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้
ผู้คัดค้านยื่นคำคัดค้านว่า ผู้ร้องชำระหนี้ให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นเจ้าหนี้ตามคำพิพากษาและยื่นคำร้องขอรับช่วงสิทธิของโจทก์ต่อผู้คัดค้านเมื่อพ้นกำหนดระยะเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดแล้วตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483มาตรา 27 และมาตรา 91 ผู้ร้องจึงไม่อาจรับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ได้ ขอให้ยกคำร้อง
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านและอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ได้
ผู้คัดค้าน อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ พิพากษายืน
ผู้คัดค้าน ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังยุติได้ว่า ผู้ร้องเป็นผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของลูกหนี้ไว้แก่เจ้าหนี้ และศาลพิพากษาให้ผู้ร้องกับลูกหนี้ร่วมกันรับผิดชำระเงินจำนวน 7,000,000 บาทพร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 16.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันที่ 28กุมภาพันธ์ 2527 จนกว่าจะชำระเสร็จแก่เจ้าหนี้ ตามสำเนาคำพิพากษาคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 12494/2531 ของศาลชั้นต้น เอกสารหมาย ร.3ต่อมาเจ้าหนี้ฟ้องลูกหนี้เป็นคดีล้มละลายและศาลชั้นต้นมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ของลูกหนี้เด็ดขาดเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2535เจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ในมูลหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งดังกล่าว ผู้ร้องในฐานะผู้รับอาวัลตั๋วสัญญาใช้เงินของลูกหนี้ก็ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ตามสำเนาเอกสารหมาย ร.4 ร.5 และ ร.ค.1ครั้นวันที่ 6 ตุลาคม 2536 ผู้ร้องได้ชำระหนี้เป็นเงิน18,147,862.26 บาท ให้แก่เจ้าหนี้ตามคำพิพากษาในคดีแพ่งดังกล่าวและได้ยื่นคำแถลงต่อผู้คัดค้านเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2536 เพื่อเป็นหลักฐานตามสำเนาเอกสารหมาย ร.6 ถึง ร.8 กับได้ยื่นคำร้องเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2536 ขอรับช่วงสิทธิในมูลหนี้ของเจ้าหนี้ซึ่งเจ้าหนี้ได้ยื่นคำขอรับชำระหนี้ไว้แล้วตามสำเนาเอกสารหมาย ร.9ต่อมาวันที่ 17 ธันวาคม 2536 ผู้คัดค้านมีคำสั่งยกคำขอรับชำระหนี้ของผู้ร้อง เพราะเจ้าหนี้ได้ยื่นขอรับชำระหนี้ไว้เต็มจำนวนแล้วและมีคำสั่งยกคำร้องขอรับช่วงสิทธิของผู้ร้องดังกล่าวด้วยตามสำเนาคำสั่งเอกสารหมาย ร.ค.2 คดีมีปัญหาต้องวินิจฉัยตามฎีกาของผู้คัดค้านว่า ผู้ร้องขอเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ ของเจ้าหนี้ที่ยื่นต่อผู้คัดค้านไว้แล้วได้หรือไม่ เห็นว่าการที่เจ้าหนี้จะขอรับชำระหนี้ในคดีล้มละลายนั้นจะต้องปฎิบัติตามวิธีการที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 โดยต้องยื่นคำขอรับชำระหนี้ต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ภายในกำหนดเวลาสองเดือนนับแต่วันโฆษณาคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดตามพระราชบัญญัติดังกล่าวมาตรา 27 และมาตรา 91 ผู้ร้องซึ่งเป็นลูกหนี้ตามคำพิพากษาร่วมกับลูกหนี้มีความผูกพันที่จะต้องชำระหนี้แก่เจ้าหนี้เมื่อได้ชำระหนี้ให้แก่เจ้าหนี้ไป แม้เป็นผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ซึ่งชอบที่จะใช้สิทธิทั้งหลายบรรดาที่เจ้าหนี้มีอยู่โดยมูลหนี้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 226 วรรคหนึ่งและมาตรา 229(3) ก็มีผลเพียงทำให้มีสิทธิขอรับชำระหนี้ในฐานะผู้รับช่วงสิทธิของเจ้าหนี้ได้ แต่การขอรับชำระหนี้ก็ต้องยื่นคำขอต่อเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์โดยปฎิบัติตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 มาตรา 27 และมาตรา 91 ผู้ร้องจะขอเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้ที่ยื่นไว้แล้วหาได้ไม่เพราะไม่มีบทบัญญัติในพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 บัญญัติให้กระทำได้และหากจะถือว่าที่ผู้ร้องขอเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้นั้นเป็นการขอรับชำระหนี้ของผู้ร้องก็พ้นกำหนดเวลาขอรับชำระหนี้แล้ว ดังนี้ คำสั่งของผู้คัดค้านที่ให้ยกคำร้องของผู้ร้องที่ขอเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้จึงชอบแล้ว คดีไม่จำต้องวินิจฉัยในปัญหาว่าผู้ร้องมีสิทธิรับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้เป็นเงินจำนวนเท่าใด ตามฎีกาของผู้ร้องต่อไป ที่ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามคำสั่งศาลชั้นต้นให้เพิกถอนคำสั่งของผู้คัดค้านและอนุญาตให้ผู้ร้องเข้ารับช่วงสิทธิคำขอรับชำระหนี้ของเจ้าหนี้นั้นไม่ต้องด้วยความเห็นของศาลฎีกาฎีกาของผู้คัดค้านฟังขึ้น”
พิพากษากลับ ให้ยก คำร้องของผู้ร้อง