คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3023/2536

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกลางพิจารณาพยานหลักฐานของโจทก์และจำเลยแล้ววินิจฉัยว่า งานที่โจทก์ทำเป็นงานตามโครงการและสัญญาจ้างที่โจทก์ทำไว้กับจำเลย ได้กำหนดวันสิ้นสุดของการจ้างไว้ตั้งแต่วันทำสัญญา โจทก์อุทธรณ์ว่างานที่จำเลยจ้างเป็นงานตามสัญญาจ้างทำของไม่ใช่งานตามโครงการ สัญญาจ้างโจทก์ไม่ได้กำหนดวันสิ้นสุดของการจ้างไว้ จำเลยมากรอกวันสิ้นสุดของการจ้างในภายหลังเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมา เป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสามสำนวนฟ้องว่า จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ทั้งสามทำงานเป็นลูกจ้างในตำแหน่งหัวหน้าผู้ควบคุมคลังพัสดุ ช่างเชื่อมและผู้ช่วยช่าง ได้รับค่าจ้างอัตราสุดท้ายวันละ 756.66 บาท593.33 บาท และ 159 บาท โดยรวมเบี้ยเลี้ยงที่โจทก์ทั้งสามได้เดือนละ 2,000 บาท 1,000 บาท และ 500 บาท ต่อมาจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามโดยไม่มีความผิด โจทก์ทั้งสามมีสิทธิได้รับค่าชดเชยตามกฎหมายเป็นเวลา 90 วัน ของอัตราค่าจ้างสุดท้ายเป็นเงิน68,099.40 บาท 53,399.70 บาท และ 14,310 บาท โจทก์ทั้งสามทำงานติดต่อกันมาแล้วครบ 1 ปี มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ไม่น้อยกว่าปีละ 6 วันทำงาน จำเลยมิได้กำหนดล่วงหน้าให้โจทก์ทั้งสามจึงมีสิทธิได้รับค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีจากจำนวน 9 วัน 9 วัน และ 6 วัน เป็นเงิน 6,809.94 บาท 5,339.97 บาทและ 954 บาท ขอให้บังคับจำเลยจ่ายค่าชดเชยและค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ที่ 1 จำนวน 90 วัน เป็นเงิน68,099.40 บาท จำนวน 9 วัน เป็นเงิน 6,809.94 บาท โจทก์ที่ 2จำนวน 90 วัน เป็นเงิน 53,399.70 บาท จำนวน 9 วัน เป็นเงิน5,339.97 บาท โจทก์ที่ 3 จำนวน 90 วัน เป็นเงิน 14,310 บาทจำนวน 6 วัน เป็นเงิน 954 บาท
จำเลยทั้งสามสำนวนให้การว่า จำเลยได้ว่าจ้างโจทก์ทั้งสามและส่งไปทำงานที่บริษัทมิตซูบิชิคอปอเรชั่น จำกัด ซึ่งรับเหมาก่อสร้างอาคารโครงงานและติดตั้งเครื่องจักรผลิตไฟฟ้าของโรงงานไฟฟ้าพลังความร้อน อำเภอบางประกง จังหวัดฉะเชิงเทรามีกำหนดวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดในการจ้างโจทก์ทั้งสามไว้ งานดังกล่าวเป็นการจ้างครั้งคราวและเป็นงานตามโครงการ จำเลยจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย จำเลยไม่ได้ตกลงกับโจทก์ทั้งสามว่าให้มีวันหยุดพักผ่อนประจำปีและมิได้มีข้อตกลงว่าเมื่อโจทก์มิได้หยุดพักผ่อนประจำปีจะต้องจ่ายค่าจ้างแทน ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า วันหยุดพักผ่อนประจำปีไม่ว่านายจ้างจะตกลงกับลูกจ้างหรือไม่ ตามประกาศกระทรวงมหาดไทยเรื่อง การคุ้มครองแรงงาน ข้อ 10 ให้ลูกจ้างซึ่งทำงานติดต่อกันมาแล้วครบ 1 ปี มีสิทธิหยุดได้ไม่น้อยกว่าปีละ 6 วันทำงานเป็นสิทธิของโจทก์ทั้งสามตามกฎมาย จำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามโดยไม่มีความผิดตามข้อ 47 ต้องจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีตามส่วนที่โจทก์ทั้งสามมีสิทธิได้รับตามข้อ 10 และข้อ 32ซึ่งระบุไว้ในข้อ 45 ประกาศกระทรวงมหาดไทย เรื่อง การคุ้มครองแรงงานและงานที่โจทก์ทั้งสามทำเป็นงานโครงการมีกำหนดวันเริ่มต้นและวันสิ้นสุดของการจ้างไว้ในสัญญาจ้างแรงงาน เข้าข้อยกเว้นตามความในข้อ 46 วรรคท้าย แห่งประกาศกระทรวงหมาดไทย เรื่องการคุ้มครองแรงงาน เมื่อจำเลยเลิกจ้างโจทก์ทั้งสามจึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชยให้แก่โจทก์ทั้งสาม พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าจ้างสำหรับวันหยุดพักผ่อนประจำปีแก่โจทก์ที่ 1 เป็นเงิน 6,809.94 บาทโจทก์ที่ 2 เป็นเงิน 5,339.97 บาท โจทก์ที่ 3 เป็นเงิน 780 บาท
โจทก์ทั้งสามสำนวนอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยว่า ที่โจทก์ทั้งสามอุทธรณ์ว่างานที่จำเลยจ้างโจทก์ทั้งสามเป็นงานตามสัญญาจ้างทำของไม่ใช่งานตามโครงการ และการที่จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ทั้งสามเดิมไม่ได้กำหนดวันสิ้นสุดของการจ้างไว้ในสัญญา จำเลยมากรอกวันสิ้นสุดของการจ้างในสัญญาเองในภายหลังนั้น เห็นว่า เรื่องนี้ศาลแรงงานกลางได้พิจารณาทั้งพยานหลักฐานของโจทก์และพยานหลักฐานของจำเลยซึ่งได้นำสืบกันมาในคดีแล้วเชื่อว่า งานที่โจทก์ทั้งสามทำเป็นงานตามโครงงานและเชื่อว่าสัญญาจ้างที่โจทก์ทั้งสามทำไว้กับจำเลยตามเอกสารหมาย จ.1 ถึง จ.3 นั้น ได้กำหนดวันสิ้นสุดของการจ้างไว้ตั้งแต่วันทำสัญญา อุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสามดังกล่าวจึงเป็นการโต้เถียงข้อเท็จจริงที่ศาลแรงงานกลางรับฟังมาเป็นอุทธรณ์ที่ต้องห้ามตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 54 ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
พิพากษายกอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสาม

Share