แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
แม้ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าพนมดงรัก ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. 2521 มาตรา 3 จะกำหนดให้บริเวณ ที่ดินป่าพนมดงรักเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉพาะในท้องที่ตำบลโนนสูงตำบลบักดอกอำเภอขุนหาญ และตำบลละลา ตำบลบึงมะลูอำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ ภายในเขตตามแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และมิได้ระบุชื่อตำบลรุงอำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษไว้ แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในแนวเขตแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกา ดังกล่าวก็ต้องถือว่าบริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้วย การที่จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินแผ้วถางทำลายต้นไม้พฤกษชาติอื่นและปลูกกระท่อมพักอาศัยโดยจำเลยมิได้มีกรรมสิทธิ์หรือ สิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นความผิดตามโจทก์ฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 15 พฤษภาคม 2532 ถึงวันที่ 11 สิงหาคม 2532 ทั้งเวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกันจำเลยบุกรุกเข้าไปครอบครองยึดถือที่ดินแผ้วถางทำลายต้นไม้หรือพฤกษชาติอื่น และปลูกกระท่อมที่พักอาศัย 1 หลัง ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เป็นเนื้อที่ 5 ไร่เศษ โดยฝ่าฝืนต่อกฎหมายเหตุเกิดที่ตำบลละลาย อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503มาตรา 24, 44, 47 ประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 228ลงวันที่ 18 ตุลาคม 2519 ข้อ 16 พระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าพนมดงรัก ในท้องที่ตำบลโนนสูง ตำบลบักดอกอำเภอขุนหาญ และตำบลละลาย ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษณ์จังหวัดศรีสะเกษ ให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. 2521มาตรา 3 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 5 พระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2532 มาตรา 4 และให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้าง ผู้แทน และบริวารของจำเลยออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ขอให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่รอไว้เข้ากับโทษของจำเลยในคดีนี้
จำเลยให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้นำโทษที่รอไว้มาบวก
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2503 มาตรา 24, 44จำคุก 6 เดือน บวกโทษจำคุก 1 ปี ที่รอไว้ในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 3949/2530 ของศาลชั้นต้น ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 58 รวมจำคุก 1 ปี 6 เดือน ให้จำเลย คนงาน ผู้รับจ้างผู้แทนและบริวารของจำเลยออกจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งไม่รับฎีกา จำเลยอุทธรณ์คำสั่งศาลฎีกาสั่งรับฎีกาของจำเลยในปัญหาข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 1 ได้วินิจฉัยมาแล้วว่า ที่เกิดเหตุในคดีนี้อยู่ในท้องที่ตำบลรุง อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษ ปัญหาว่าการกระทำของจำเลยเป็นความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าแม้ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดบริเวณที่ดินป่าพนมดงรัก ในท้องที่ตำบลโนนสูง ตำบลบักดอก อำเภอขุนหาญ และตำบลละลายตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษณ์ จังหวัดศรีสะเกษให้เป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า พ.ศ. 2521 มาตรา 3 จะกำหนดให้บริเวณที่ดินป่าพนมดงรักเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉพาะในท้องที่ตำบลโนนสูง ตำบลบักดอก อำเภอขุนหาญและตำบลละลาย ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษณ์จังหวัดศรีสะเกษ ภายในแนวเขตตามแนบที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าว และมิได้ระบุชื่อตำบลรุง อำเภอกันทรลักษณ์จังหวัดศรีสะเกษ ไว้แต่เมื่อข้อเท็จจริงฟังได้ว่า บริเวณที่เกิดเหตุอยู่ในแนวเขตแผนที่ท้ายพระราชกฤษฎีกาดังกล่าวก็ต้องถือว่าที่เกิดเหตุอยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าด้วยการที่จำเลยบุกรุกเข้าไปยึดถือครอบครองที่ดินแผ้วถางทำลายต้นไม้พฤกษชาติอื่นและปลูกกระท่อมพักอาศัย 1 หลังเป็นเนื้อที่ 5 ไร่เศษ โดยจำเลยมิได้มีกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองโดยชอบด้วยกฎหมาย จึงเป็นความผิดตามโจทก์ฟ้องศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่เนื่องจากจำเลยชราภาพไม่เคยรับโทษจำคุกมาก่อน เห็นควรรอการลงโทษจำคุกไว้ อนึ่ง เมื่อรอการลงโทษจำคุกคดีนี้ จึงไม่อาจบวกโทษที่รอไว้ในคดีก่อนเข้ากับคดีนี้ได้
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้รอการลงโทษจำคุกไว้มีกำหนด 2 ปีและยกคำขอโจทก์ที่ให้บวกโทษจำคุกจำเลยที่รอไว้ในคดีก่อนเข้ากับโทษในคดีนี้นอกจากที่แก้คงให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 1