คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3020/2529

แหล่งที่มา : ADMIN

ย่อสั้น

เจ้าพนักงานบังคับคดีอายัดเงินของจำเลยจากคดีอื่นมาจำนวนหนึ่งในเงินจำนวนนี้ได้จ่ายให้โจทก์เพียงบางส่วนเฉพาะส่วนที่จ่ายให้โจทก์นี้ต้องเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ3ครึ่งตามตาราง5ข้อ2ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กรณีตามตาราง5ข้อ2ไม่ได้หมายถึงเฉพาะการอายัดสิทธิเรียกร้องให้บุคคลภายนอกส่งมอบสิ่งของและเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องทำการจำหน่ายสิ่งของนั้นให้เป็นตัวเงินแม้การอายัดเงินแล้วมีการจ่ายเงินให้ผู้ขออายัดโดยเจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องทำการจำหน่ายหรือทำอะไรกับเงินที่อายัดนั้นก็ตามแต่การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดให้ผู้ขออายัดเป็นการปฏิบัติตามความหมายของการอายัดแล้ว กรณีตามตาราง5ข้อ4หมายถึงเมื่อมีการยึดหรืออายัดเงินหรืออายัดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่ายการขายหรือจำหน่ายรวมถึงการแลกเปลี่ยนหรือเอาออกหรือยังไม่มีการจ่ายเงินที่อายัดให้ผู้ขออายัดจึงเสียค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ1.

ย่อยาว

มูลกรณีสืบเนื่องมาจากจำเลยตกลงประนีประนอมยอมความกับโจทก์ และศาลฎีกาได้พิพากษาตามยอมให้ ปรากฏว่าในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ศาลชั้นต้นได้ออกหมายบังคับคดีตามที่โจทก์ขออายัดเงินของจำเลยจากคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ 4198/2523 เป็นเงิน 4,245,568.75 บาท หลังจากศาลฎีกาพิพากษาตามยอมแล้ว เจ้าพนักงานบังคับคดีจึงได้จ่ายเงินให้โจทก์ตามสัญญาประนีประนอมยอมความเป็นเงิน 1,980,000 บาท เหลือจ่ายคืนจำเลย2,125,532.19 บาทแต่เจ้าพนักงานบังคับคดีให้คิดค่าธรรมเนียมในการอายัดเงินในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งของเงินจำนวน 3,999,473.06 บาท ซึ่งเป็นจำนวนหนี้ที่จำเลยจะต้องชำระให้โจทก์ตามคำพิพากษาพร้อมทั้งค่าฤชาธรรมเนียมตามหมายบังคับคดีของศาลชั้นต้นจำเลยยื่นคำร้องว่า เจ้าพนักงานบังคับคดีคิดค่าธรรมเนียมในการอายัดเงินตามตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ไม่ถูกต้อง ที่ถูกต้องติดตามตาราง 5 ข้อ 4 ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าเจ้าพนักงานบังคับคดีคิดค่าธรรมเนียมชอบแล้ว ให้ยกคำร้อง จำเลยอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้คิดค่าธรรมเนียมในการอายัดเงินในอัตราร้อยละ 3 ครึ่งเฉพาะของเงินที่จ่ายให้แก่โจทก์ ส่วนเงินที่เหลือจ่ายคืนจำเลยให้คิดค่าธรรมเนียมในอัตราร้อยละ 1 จำเลยฎีกา ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ปัญหาว่าการคิดค่าธรรมเนียมในการอายัดเงินเฉพาะส่วนที่จ่ายให้โจทก์จำนวน 1,980,000 บาท ควรต้องคิดร้อยละ 1 ตามตาราง 5 ข้อ 4 หรือร้อยละ 3 ครึ่งตามตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง เห็นว่าการที่เจ้าพนักงานบังคับคดีดำเนินการอายัดเงินของจำเลยจากคดีหมายเลขแดงที่4198/2523 เป็นเงิน 4,245,568.75 บาท เมื่อคิดหักค่าธรรมเนียมชั้นฎีกาในคดีดังกล่าวและค่าใช้จ่ายแล้ว คงเหลือเป็นเงินส่วนที่อายัดจริง ๆ 3,999,473.06 บาท ในเงินจำนวนนี้คงจ่ายให้โจทก์เพียง 1,980,000 บาท ซึ่งเฉพาะเงินส่วนที่จ่ายให้โจทก์นี้ เห็นได้ชัดว่ากรณีต้องด้วยตาราง 5 ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ที่ให้คิดค่าธรรมเนียม เมื่อมีการจ่ายเงินที่ยึดหรืออายัดแก่เจ้าหนี้ ร้อยละ 3 ครึ่งของจำนวนเงินที่ยึดหรืออายัด กรณีตามตาราง 5 ข้อ 2 นี้ไม่มีทางจะแปลไปได้ว่าหมายถึงเฉพาะการอายัดสิทธิเรียกร้องให้บุคคลภายนอกส่งมอบสิ่งของ และเจ้าพนักงานบังคับคดีต้องทำการจำหน่ายสิ่งของนั้นให้เป็นตัวเงินดังจำเลยฎีกา แม้การอายัดเงินแล้วมีการจ่ายเงินให้โจทก์ผู้ขออายัด เจ้าพนักงานบังคับคดีไม่ต้องทำการจำหน่ายหรือทำอะไรกับเงินที่อายัดนั้นอีกดังจำเลยฎีกาก็ตาม แต่การที่เจ้าพนักงานบังคับคดีจ่ายเงินที่อายัดให้โจทก์ ก็เป็นการปฏิบัติตามความหมายของการอายัดเงินโดยครบถ้วนแล้วตาราง 5ข้อ 2 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง จึงให้คิดค่าธรรมเนียมเจ้าพนักงานบังคับคดีร้อยละ 3 ครึ่ง ส่วนค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 ตามตาราง 5 ข้อ 4 ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งที่จำเลยอ้างมาในฎีกานั้นหมายถึงเมื่อมีการยึดหรืออายัดเงินหรืออายัดทรัพย์สินแล้วไม่มีการขายหรือจำหน่าย คำว่าไม่มีการขายหรือจำหน่ายย่อมมีความหมายในตัวเองรวมถึงการแลกเปลี่ยนหรือเอาออกเช่นจำหน่ายจากบัญชี ซึ่งเป็นคำที่แผลงมาจากคำว่าจ่ายด้วย ในกรณีเช่นคดีนี้ก็หมายถึงว่า ยังไม่มีการจ่ายเงินที่อายัดให้โจทก์นั่นเอง จึงจะคิดค่าธรรมเนียมร้อยละ 1 ตามตาราง 5 ข้อ 4ท้ายประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง กรณีของจำเลยจึงไม่ต้องด้วยตาราง 5ข้อ 4 ดังจำเลยฎีกา พิพากษายืน

Share