คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 302/2494

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ฟ้องของโจทก์กล่าวเป็นใจความว่า จำเลยบังอาจสมคบกันเข้ากรีดเอาน้ำมันยางในสวนของโจทก์โดยการทุจริต ซึ่งโจทก์มิได้อนุญาต และขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา 288,63 ดังนี้ แม้โจทก์จะมิได้กล่าวว่าจำเลยเอาน้ำยางไปหรือลักเอาน้ำยางไป ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่าโจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกรีดเอาน้ำยางของโจทก์โดยการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายและเป็นการเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์นับว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตามป.ม.วิ.อาญามาตรา 158 ครบข้อหาฐานลักทรัพย์แล้ว

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานสมคบกันลักทรัพย์ตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๘๘- ๖๓ และใช้ค่าเสียหาย
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว ประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒ ผู้เดียว ยกฟ้องจำเลยที่ ๑-๓
โจทก์อุทธรณ ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่าฟ้องของโจทก์ไม่สมบูรณ์ พิพากษายกฟ้อง
โจทก์ฎี่กา
ศาลฎีกาเห็นว่า ฟ้องของโจทก์กล่าวเป็นใจความว่าจำเลยบังอาจสมคบกันเข้ากรีดเอาน้ำยางในสวนของโจทก์โดยการทุจริต ซึ่งโจทก์มิได้อนุญาตและขอให้ลงโทษตาม ก.ม.ลักษณะอาญามาตรา ๒๘๘-๖๓ แม้โจทก์จะมิได้กล่าวว่าจำเลยเอาน้ำยางไป หรือลักเอาน้ำยางไป ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า โจทก์ฟ้องหาว่าจำเลยกรีดเอาน้ำยางของโจทก์โดยการแสวงหาประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมาย และเป็นการเสียหายแก่โจทก์ ขอให้ลงโทษฐานลักทรัพย์ นับว่าเป็นฟ้องที่สมบูรณ์ตาม ป.ม.วิ.อาญามาตรา ๑๕๘ ครบข้อหาฐานลักทรัพย์แล้ว
ส่วนข้อเท็จจริง เห็นว่าคดียังไม่พอฟังว่าจำเลยที่ ๑-๓ กระทำไปโดยทุจริต จึงพิพากษาแก้ให้รับประทับฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๒

Share