แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามกฎกระทรวงมหาดไทย ออกตามความในมาตรา 58 แห่ง พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 ข้อ 127 (9) ซึ่งแก้ไขโดยกฎกระทรวงมหาดไทย ฉบับที่ 12 (พ.ศ.2547) ข้อ 3 กำหนดให้เครื่องคอมพิวเตอร์ โทรศัพท์ หรือเครื่องมือสื่อสารอื่น รวมทั้งอุปกรณ์สำหรับสิ่งของดังกล่าวเป็นของต้องห้ามมิให้นำเข้ามาหรือเก็บรักษาไว้ในเรือนจำ และ พ.ร.บ.ราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 มาตรา 45 วรรคสาม บัญญัติว่า “เงินและสิ่งของต้องห้ามเกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรานี้ให้ริบเป็นของแผ่นดิน” เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซิมการ์ดทรู แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกีย และสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง เป็นสิ่งของต้องห้ามที่จำเลยที่ 1 นำเข้ามาในเรือนจำโดยฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจำ ดังนี้ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซิมการ์ดทรู แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกียและสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง จึงเป็นสิ่งของต้องห้ามอันพึงริบตามบทบัญญัติดังกล่าว
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ.2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 97, 100/1, 102 พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 มาตรา 4, 38, 45, 58 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 32, 33, 83, 91, 92 ริบเมทแอมเฟตามีน โทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ซิมการ์ดทรู 1 อัน แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกีย 1 อัน และสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เส้น ของกลาง เพิ่มโทษจำเลยทั้งสองตามกฎหมาย นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2366/2554 และนับโทษจำเลยที่ 2 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 511/2549 ของศาลชั้นต้น
จำเลยทั้งสองให้การปฏิเสธ แต่รับว่าเป็นบุคคลคนเดียวกับจำเลยในคดีที่โจทก์ขอให้เพิ่มโทษและนับโทษต่อ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามพระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 มาตรา 45 วรรคหนึ่ง จำคุก 2 เดือน เพิ่มโทษกึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 3 เดือน คำรับของจำเลยที่ 1 เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 ลดโทษให้หนึ่งในสาม คงจำคุก 2 เดือน ให้นับโทษจำเลยที่ 1 ต่อจากโทษในคดีอาญาหมายเลขแดงที่ 2366/2554 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลาง ส่วนโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ซิมการ์ดทรู 1 อัน แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกีย 1 อัน และสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เส้น ให้คืนแก่เจ้าของ (ที่ถูก ข้อหาอื่นให้ยก) และยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 2
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์แผนกคดียาเสพติดพิพากษาแก้เป็นว่า เพิ่มโทษจำเลยที่ 1 หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 92 เป็นจำคุก 2 เดือน 20 วัน ลดโทษให้หนึ่งในสามตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน 23 วัน นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังเป็นยุติว่า จำเลยที่ 1 นำโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ซิมการ์ดทรู 1 อัน แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกีย1 อัน และสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เส้น ของกลาง ซึ่งเป็นสิ่งของต้องห้ามเข้ามาหรือเก็บรักษาไว้ในเรือนจำจังหวัดปทุมธานี ขณะที่จำเลยที่ 1 ถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำดังกล่าวอันเป็นการฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจำ มีปัญหาข้อกฎหมายที่ต้องวินิจฉัยตามฎีกาของโจทก์ว่า การที่ศาลล่างทั้งสองไม่ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ซิมการ์ดทรู 1 อัน แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกีย 1 อัน และสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เส้น ของกลาง ชอบหรือไม่ เห็นว่า พระราชบัญญัติราชทัณฑ์ พ.ศ.2479 มาตรา 45 วรรคสาม บัญญัติว่า “เงินและสิ่งของต้องห้ามที่เกี่ยวกับการกระทำความผิดตามมาตรานี้ให้ริบเป็นของแผ่นดิน” เมื่อข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซิมการ์ดทรู แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกีย และสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง เป็นสิ่งของต้องห้ามที่จำเลยที่ 1 นำเข้ามาในเรือนจำโดยฝ่าฝืนระเบียบหรือข้อบังคับของเรือนจำ ดังนี้ โทรศัพท์เคลื่อนที่ ซิมการ์ดทรู แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกียและสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลางจึงเป็นสิ่งของต้องห้ามอันพึงริบตามบทบัญญัติดังกล่าว ที่ศาลล่างทั้งสองสั่งไม่ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซิมการ์ดทรู แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกียและสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ของกลาง ศาลฎีกาไม่เห็นพ้องด้วย ฎีกาของโจทก์ฟังขึ้น
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ริบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 2 เครื่อง ซิมการ์ดทรู 1 อัน แบตเตอรี่ยี่ห้อโนเกีย 1 อัน และสายเสียบโทรศัพท์เคลื่อนที่ 1 เส้น ของกลาง นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์