แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
ข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบนอกเหนือจากที่กล่าวในฟ้องจะนำมาพิจารณาประกอบคำฟ้องของโจทก์ไม่ได้ เมื่อคำเบิกความของจำเลยทั้งสองบางส่วนไม่เป็นเท็จ และบางส่วนไม่ทำให้โจทก์ได้ รับความเสียหาย คดีของโจทก์จึงไม่มีมูลที่ศาลจะประทับฟ้อง ไว้พิจารณา.
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องและแก้ไขคำฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 177
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วเห็นว่า คดีโจทก์ไม่มีมูลพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา โดยผู้พิพากษาที่ลงชื่อในคำพิพากษาศาลชั้นต้นอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ตามคำฟ้องของโจทก์อ้างว่าจำเลยทั้งสองเบิกความเท็จนั้นแยกได้เป็นสองประการคือ คำเบิกความที่ว่านางสาวยวงและนายไปล่มีกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินโฉนดเลขที่ 5072ตำบลโพพระ อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบุรี ประการหนึ่ง ซึ่งโจทก์ฟ้องอ้างว่าเป็นเท็จเพราะนางสาวยวงและนายไปล่ไม่ได้มีกรรมสิทธิ์ในที่ดินดังกล่าว แต่ในชั้นไต่สวนมูลฟ้องโจทก์เบิกความว่า นางสาวยวงและนายไปล่เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์โดยแบ่งแยกการครอบครอง และตามสำเนาโฉนดที่ดินเลขที่ 5072 ที่เจ้าพนักงานที่ดินส่งมาตามคำสั่งเรียกของศาลก็ปรากฏว่าในวันที่ 15 มิถุนายน 2524อันเป็นวันที่จำเลยทั้งสองเบิกความนั้นมีชื่อนางสาวยวงและนายไปล่อยู่ในโฉนดที่ดินดังกล่าว ข้อเท็จจริงจากการนำสืบในชั้นไต่สวนของโจทก์จึงฟังไม่ได้ว่าคำเบิกความของจำเลยทั้งสองในส่วนนี้เป็นเท็จ อีกประการหนึ่งที่โจทก์อ้างว่า จำเลยทั้งสองเบิกความเท็จคือ คำเบิกความที่ว่านางสาวยวงและนายไปล่ได้ยกที่ดินให้จำเลยที่ 1และจำเลยที่ 1 ครอบครองโดยสงบเปิดเผยด้วยเจตนาเป็นเจ้าของติดต่อกันมาเกิน 10 ปี ในคดีที่จำเลยทั้งสองเบิกความนั้นโจทก์มิได้เข้ามาเป็นคู่ความในคดีด้วย และคำเบิกความของจำเลยทั้งสองในส่วนนี้ก็เพียงเฉพาะส่วนที่ดินของนางสาวยวงและนายไปล่มิได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับที่ดินส่วนของโจทก์ ทั้งโจทก์ก็เบิกความไว้แล้วว่า ที่ดินที่พิพาทได้แบ่งแยกการครอบครองเรียบร้อยแล้ว คำเบิกความของจำเลยทั้งสองส่วนที่เกี่ยวกับที่ดินของนางสาวยวงและนายไปล่จะเป็นจริงหรือไม่ก็ไม่กระทบกระเทือนสิทธิของโจทก์ที่มีอยู่แต่อย่างใดโจทก์มิได้กล่าวอ้างไว้ในคำฟ้องเลยว่าโจทก์มีส่วนได้เสียหรือสิทธิในที่ดินของนางสาวยวงและนายไปล่อย่างไร โจทก์ได้เป็นผู้ครอบครองที่ดินของคนทั้งสองหรือไม่ คำฟ้องของโจทก์จึงไม่ปรากฏเหตุที่ทำให้เห็นได้ว่าโจทก์ได้รับความเสียหาย จากคำเบิกความของจำเลยทั้งสอง ข้อที่โจทก์นำสืบมาในชั้นไต่สวนมูลฟ้องอ้างว่าโจทก์เป็นผู้ครอบครองที่ดินส่วนของนางสาวยวงและนายไปล่นั้นเป็นข้อเท็จจริงที่โจทก์นำสืบนอกเหนือจากที่กล่าวในฟ้อง จึงนำมาพิจารณาประกอบคำฟ้องไม่ได้ ในเมื่อคำเบิกความของจำเลยทั้งสองบางส่วนไม่เป็นเท็จและบางส่วนไม่ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายเช่นนี้คดีของโจทก์จึงไม่มีมูลที่ศาลจะประทับฟ้องไว้พิจารณา…”
พิพากษายืน.