แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
วิธีการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20เป็นการดำเนินการในชั้นสอบสวนและการพิจารณาคดีในชั้นศาลการที่ศาลถามผู้ต้องหาหรือจำเลยว่าจะให้การประการใดตามความในมาตรา 20 ดังกล่าว ถือเป็นการพิจารณา และตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสองบัญญัติว่า ก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่ดังนั้น ก่อนเริ่มพิจารณาหรือก่อนเริ่มการพิจารณาสอบถามผู้ต้องหาหรือจำเลยว่าจะให้การประการใด ศาลจะต้องสอบถามเรื่องทนายจำเลยเสียก่อนเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสองประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 หากศาลมิได้สอบถามเรื่องทนายจำเลย แต่ก้าวล่วงไปถึงการพิจารณาสอบถามคำให้การของจำเลยจึงเป็นการมิชอบ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352, 91
จำเลยให้การรับสารภาพ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 352 วรรคหนึ่ง การกระทำความผิดของจำเลยเป็นความผิดหลายกรรมต่างกันให้เรียงกระทงลงโทษ จำคุกกระทงละ 1 เดือนรวม 34 กระทง จำคุก 34 เดือน จำเลยให้การรับสารภาพ ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 17 เดือน
จำเลยอุทธรณ์ขอให้รอการลงโทษ
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาสอบถามจำเลยเรื่องทนายความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสอง แล้วพิจารณาพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์ฎีกาในทำนองว่าการดำเนินกระบวนพิจารณาคดีอาญาซึ่งอยู่ในอำนาจของศาลแขวงตามพระธรรมนูญศาลยุติธรรม มาตรา 15 ประกอบมาตรา 22(5) ที่แก้ไขแล้ว กฎหมายมีเจตนารมณ์ให้ดำเนินการให้เสร็จสิ้นโดยรวดเร็วดังวิธีการตามที่บัญญัติไว้ในพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 20 ดังนั้น จึงไม่จำต้องนำประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 173 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวงพ.ศ. 2499 มาตรา 4 มาใช้บังคับอีก นั้น เห็นว่า วิธีการตามมาตรา 20 ดังกล่าว เป็นการดำเนินการในชั้นสอบสวนและการพิจารณาคดีในชั้นศาล โดยศาลฎีกาจะกล่าวเฉพาะการพิจารณาคดีในชั้นศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 1(8) ประกอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 15 ซึ่งกฎหมายให้คำจำกัดความไว้ว่า “การพิจารณา หมายความว่า กระบวนพิจารณาทั้งหมดในศาล” ดังนั้น การที่ศาลถามผู้ต้องหาหรือจำเลยว่าจะให้การประการใด ตามความในมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 ถือเป็นการพิจารณาและด้วยเหตุนี้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “ในคดีที่มีอัตราโทษจำคุกก่อนเริ่มพิจารณาให้ศาลถามจำเลยว่ามีทนายหรือไม่” ฉะนั้น กรณีจึงเป็นที่เห็นได้อย่างชัดเจนว่า ก่อนเริ่มพิจารณาหรือก่อนเริ่มการพิจารณาสอบถามผู้ต้องหาหรือจำเลยว่าจะให้การประการใดตามมาตรา 20 แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงฯ ดังกล่าวนั้น ศาลจะกระทำการอื่นมิได้เว้นแต่เฉพาะการสอบถามเรื่องทนายความจำเลยเสียก่อนเท่านั้น ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 173 วรรคสอง ประกอบพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแขวงและวิธีพิจารณาความอาญาในศาลแขวง พ.ศ. 2499 มาตรา 4 หากศาลมิได้สอบถามเรื่องทนายจำเลยแต่ก้าวล่วงไปถึงการพิจารณาสอบถามคำให้การของจำเลยเลยนั้น ก็เป็นการมิชอบอีกทั้งเป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า การดำเนินการในทางคดีอาญา นับเป็นการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลของผู้ถูกกล่าวหาจึงจำต้องดำเนินการโดยรีบด่วนและรวดเร็ว แต่การนั้น ๆ จะข้ามขั้นตอนของกฎหมายที่กำหนดไว้ไม่ได้ เพราะเท่ากับเป็นการเพิ่มข้อจำกัดสิทธิแก่ผู้ต้องหาหรือจำเลยโดยไม่ชอบมากขึ้นไปอีก
พิพากษายืน