แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ที่ดินของรัฐซึ่งเดิมเป็นที่รกร้างว่างเปล่า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา1304(1) แม้ทางราชการจะนำมาจัดสรรให้ราษฎรเข้าทำกินจ. เป็นผู้จับสลากได้ตามระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชนที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 20(6), 27, 33 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินแต่จะยังมิได้รับใบจอง เพียงแต่นำหลักไปปักเป็นเขตไว้โดยมิได้ทำประโยชน์อะไร จ. หาได้ที่ดินเป็นสิทธิของตนโดยสมบูรณ์ไม่ ที่ดินแปลงนี้ยังเป็นที่ดินของรัฐและอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งให้ จ. ออกจากที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดินมาตรา 32 ได้ จ. ไม่มีสิทธิที่จะโอนขายให้แก่โจทก์ แม้โจทก์ได้รับโอนไว้และครอบครองมาโจทก์ก็หาเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกได้ไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งหกคนได้บังอาจร่วมกันบุกรุกที่ดินของโจทก์ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๖๒, ๓๖๓, ๓๖๕
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว มีคำสั่งประทับฟ้องเฉพาะความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๘๓, ๓๖๒, ๓๖๕
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธ
ระหว่างพิจารณาโจทก์ขอถอนฟ้องจำเลยที่ ๒ ที่ ๔ และที่ ๕ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๖๒ ให้ปรับคนละ ๑,๐๐๐ บาท นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
จำเลยที่ ๑ และที่ ๓ ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ได้ความว่า ที่ดินที่โจทก์หาว่าจำเลยบุกรุกรบกวนการครอบครองนี้เดิมเป็นที่ดินรกร้างว่างเปล่า อันเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดินตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๑๓๐๔(๑) ซึ่งทางราชการได้นำมาจัดสรรแบ่งเป็นแปลง ๆ เพื่อให้ราษฎรผู้ไม่มีที่ทำกินได้เข้าทำกินและอยู่อาศัยตามประมวลกฎหมายที่ดินเมื่อ พ.ศ. ๒๕๐๒ ปรากฏว่านายเจริญ ปิ่นคล้าย จับสลากที่ดินตามฟ้องได้แต่ยังมิได้รับใบจองจากอำเภอท้องที่ ต่อมา พ.ศ. ๒๕๐๔ นายเจริญ ขายที่ดินแปลงนี้ให้โจทก์ซึ่งโจทก์อ้างว่าได้ครอบครองและจำเลยเข้ารบกวนการครอบครองของโจทก์โดยปกติสุข เช่นนี้ ศาลฎีกาเห็นว่า ที่ดินตามฟ้องเป็นที่ดินของรัฐซึ่งเดิมเป็นสาธารณสมบัติของแผ่นดิน แม้ทางราชการจะนำมาจัดสรรให้ราษฎรเข้าทำกินอยู่อาศัย และนายเจริญเป็นผู้จับสลากได้ตามระเบียบว่าด้วยการจัดที่ดินเพื่อประชาชนที่ออกโดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา ๒๐(๖)มาตรา ๒๗ และมาตรา ๓๓ แห่งประมวลกฎหมายที่ดินก็ตาม แต่นายเจริญก็ยังมิได้รับใบจองจากทางอำเภอตามข้อ ๑๔ ของระเบียบดังกล่าวกับปรากฏจากคำเบิกความของโจทก์ว่า เมื่อนายเจริญจับสลากได้ที่ดินตามฟ้องมา นายเจริญเพียงนำหลักไปปักเป็นเขตไว้ โดยมิได้ทำประโยชน์อะไรในที่ดินแปลงนี้ตลอดมาจนโอนขายให้แก่โจทก์แสดงว่านายเจริญมิได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขของทางราชการ นายเจริญจึงหาได้ที่ดินเป็นสิทธิของตนโดยสมบูรณ์ไม่ ที่ดินแปลงนี้จึงยังเป็นที่ดินของรัฐ และอธิบดีกรมที่ดินมีอำนาจสั่งให้นายเจริญออกไปจากที่ดิน ตามประมวลกฎหมายที่ดิน มาตรา ๓๒ ได้ นายเจริญไม่มีสิทธิโดยชอบประการใดที่จะโอนขายให้แก่โจทก์ แม้โจทก์จะรับโอนไว้และครอบครองมาโจทก์ก็หาเป็นผู้เสียหายโดยนิตินัยที่จะฟ้องร้องคดีขอให้ลงโทษจำเลยฐานบุกรุกในทางอาญาได้
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้องโจทก์