คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3015/2537

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

คดีก่อนโจทก์แจ้งความดำเนินคดีแก่จำเลยข้อหาบุกรุกที่พิพาทพนักงานอัยการฟ้องจำเลย คดีถึงที่สุดโดยศาลฎีกาพิพากษาลงโทษจำเลย คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกต้นมะพร้าวและขนำในที่ดินพิพาทดังกล่าวทำให้โจทก์เสียประโยชน์จากการใช้ที่ดินขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์จึงเป็นการฟ้องขอให้ศาลบังคับตามสิทธิเรียกร้องในทางแพ่งที่เกี่ยวเนื่องมาจากการกระทำผิดอาญา จึงเป็นคดีแพ่งที่เกี่ยวเนื่องกับคดีอาญา เมื่อในคดีอาญาศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายคดีดังกล่าว ดังนั้นการพิพากษาคดีนี้ ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาส่วนอาญาว่า จำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นเจ้าของที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ เลขที่ 1027 เนื้อที่ประมาณ 34 ไร่ เมื่อกลางเดือนมกราคา 2531 จำเลยบุกรุกเข้าปลูกต้นมะพร้าวและขนำ (กระต๊อบ)ในที่ดินของโจทก์ประมาณ 20 ไร่ ทำให้โจทก์เสียประโยชน์จากการใช้ที่ดินเดือนละ 6,000 บาท ขอให้ศาลพิพากษาให้จำเลยและบริวารออกไปจากที่ดินของโจทก์ พร้อมทั้งรื้อถอนรั้วและสิ่งปลูกสร้างออกไป กับให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 6,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากที่ดินของโจทก์
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า ที่พิพาทเป็นของจำเลยครอบครองทำประโยชน์มาตั้งแต่ พ.ศ. 2526 โจทก์ไม่เคยเกี่ยวข้องหนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ออกโดยไม่ชอบเพราะทับที่พิพาทที่จำเลยมีสิทธิครอบครอง ขอให้ยกฟ้องโจทก์และพิพากษาว่าที่พิพาทเป็นสิทธิครอบครองของจำเลย กับให้โจทก์ใช้ค่าเสียหายแก่จำเลยเดือนละ 3,000 บาท นับแต่วันฟ้องแย้งจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
โจทก์ให้การฟ้องแย้งว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ของโจทก์ออกโดยชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ได้ครอบครองที่พิพาทตลอดมาจำเลยเพิ่งบุกรุกเข้ามาแย่งการครอบครองเมื่อต้นเดือนมกราคม 2531ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาว่า ที่พิพาทเป็นของโจทก์ให้จำเลยและบริวารรื้อถอนรั้วกับสิ่งปลูกสร้างออกไปจากที่พิพาทให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เดือนละ 700 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะออกไปจากที่พิพาทฟ้องแย้งของจำเลยให้ยกเสีย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจจฉัยว่า คดีนี้โจทก์บรรยายฟ้องว่า จำเลยบุกรุกเข้าไปปลูกต้นมะพร้าวและขนำในที่ดินของโจทก์ ทำให้โจทก์เสียประโยชน์จากการใช้ที่ดินขอให้ขับไล่จำเลยและบริวารและให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ จึงเป็นการฟ้องขอให้ศาลบังคับตามสิทธิเรียกร้องในทางแพ่งที่เกี่ยวเนื่องมาจากการกระทำผิดอาญาคดีนี้จึงเป็นคดีแพ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีอาญาคดีหมายเลขแดงที่ 2917/2533 ของศาลฎีกา เมื่อในคดีอาญาศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ซึ่งเป็นผู้เสียหายในคดีดังกล่าว ดังนั้นในการพิพากษาคดีนี้ศาลจำต้องถือข้อเท็จจริงตามที่ปรากฏในคำพิพากษาคดีส่วนอาญาว่าจำเลยบุกรุกที่ดินของโจทก์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 46
พิพากษายืน

Share