คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3011/2527

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การกู้ยืมเงินเข้าลักษณะยืมใช้สิ้นเปลือง ย่อมบริบูรณ์ต่อ เมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม จำเลยย่อมนำสืบได้ว่าจำเลยมิได้กู้ยืมเงินโจทก์ อันเป็นการนำสืบว่าจำเลยมิได้รับมอบเงินกู้จากโจทก์ ซึ่งเป็นเหตุให้สัญญากู้ไม่บริบูรณ์ ทั้งไม่มีมูลหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์จำเลย ไม่เป็นการต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 94

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยกู้เงินโจทก์หลายครั้งรวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๓,๐๐๐ บาทครบกำหนดจำเลยผิดนัดไม่ชำระหนี้ โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยก็ไม่ชำระขอให้ศาลพิพากษาบังคับ
จำเลยให้การว่า จำเลยไม่ได้กู้เงินโจทก์ แต่จำเลยกู้เงินจากนายพาณิชย์เป็นเงิน ๓,๐๐๐ บาท นายพาณิชย์ให้จำเลยเขียนชื่อในกระดาษแผ่นหนึ่งไว้ลอย ๆ ต่อมานายพาณิชย์ข่มขู่และใช้กลฉ้อฉลหลอกลวงให้จำเลยลงลายมือชื่อในสัญญากู้ฉบับหนึ่ง โดยให้ลงจำนวนเงินไว้ ๖,๐๐๐ บาท ต่อมานายพาณิชย์บอกว่าสัญญากู้ดังกล่าวไม่สมบูรณ์ ใช้ไม่ได้ ให้จำเลยทำสัญญาใหม่อีกฉบับหนึ่ง มูลหนี้ดังกล่าวจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา ๖๕๐วรรคสอง สัญญายืมใช้สิ้นเปลืองย่อมบริบูรณ์ต่อเมื่อส่งมอบทรัพย์สินที่ยืม การกู้ยืมเงินเข้าลักษณะยืมใช้สิ้นเปลือง ดังนั้นที่จำเลยนำสืบว่าจำเลยมิได้กู้ยืมเงินโจทก์ ย่อมถือได้ว่าจำเลยนำสืบว่าจำเลยมิได้รับมอบเงินกู้จากโจทก์ ซึ่งเป็นเหตุให้สัญญากู้รายพิพาทไม่บริบูรณ์ ทั้งไม่มีมูลหนี้เงินกู้ระหว่างโจทก์จำเลยโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง และประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา ๙๔ วรรคสอง บัญญัติว่า มิได้ถือว่าเป็นการตัดสิทธิคู่ความในอันที่จะกล่าวอ้างและนำพยานบุคคลมาสืบประกอบข้ออ้างว่า พยานเอกสารที่แสดงนั้นเป็นเอกสารปลอม หรือไม่ถูกต้องทั้งหมดหรือแต่บางส่วน หรือสัญญาหรือหนี้อย่างอื่นที่ระบุไว้ในเอกสารนั้นไม่สมบูรณ์ หรือคู่ความอีกฝ่ายหนึ่งตีความหมายผิดการที่จำเลยนำพยานบุคคลมาสืบว่า สัญญากู้รายพิพาทไม่บริบูรณ์หรือไม่สมบูรณ์และไม่มีมูลหนี้ จำเลยไม่ต้องรับผิดชดใช้เงินตามสัญญากู้รายพิพาทแก่โจทก์ โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง จำเลยย่อมกระทำได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๙๔ วรรคสอง
พิพากษายืน

Share