แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยบุกรุกและเรียกค่าเสียหายเป็นเงินเดือนละ 50 บาท ถือได้ว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อจำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของสามีจำเลยซึ่งมีที่ดินติดต่อกับที่ดินของโจทก์ มิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 โจทก์ฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์ เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริง ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3 ก.) เลขที่ 69 ตำบลบัวงาม อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรีเนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 44 ตารางวา เป็นของโจทก์และนายสงวน อยู่โอนผู้เป็นน้องร่วมกัน จำเลยมีที่ดินอยู่ติดต่อกับทางด้านทิศใต้ซึ่งมีคูเป็นเส้นแบ่งเขต จำเลยได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ทางด้านทิศใต้เป็นเนื้อที่ 28 ตารางวา ราคาประมาณ 10,000 บาท และใช้มีดตัดฟันทำลายต้นกระถินของโจทก์เสียหายจำนวนประมาณ 50 ต้นเป็นเงิน 300 บาท และการที่จำเลยตัดต้นกระถินดังกล่าวเป็นเหตุให้รั้วไม้รวกขัดแตะของโจทก์หักพังเสียหายเป็นความยาว 6 วาเศษแล้วจำเลยได้ยึดถือครอบครองที่ดินของโจทก์เป็นเนื้อที่ 28 ตารางวาตลอดมา ขอให้พิพากษาขับไล่จำเลยออกไปจากที่ดินของโจทก์ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 69 และให้จำเลยใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 700 บาท กับค่าเสียหายอีกเดือนละ50 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจำเลยจะเลิกเกี่ยวข้องกับที่ดินของโจทก์ จำเลยให้การว่า ที่ดินที่อยู่ทางทิศใต้ของที่ดินโจทก์เป็นที่ดินของนายโพธิ์ เอี่ยมกลัด สามีจำเลย มีเนื้อที่ 1 ไร่2 งาน 50 ตารางวา ตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.)เลขที่ 67 ซึ่งแต่เดิมเป็นของนายน้อย เอี่ยมกลัด นายน้อยได้ขุดคูในที่ดินทางด้านทิศเหนือเพื่อส่งน้ำเข้าไร่และได้ถือคันคูด้านทิศเหนือเป็นแนวเขตที่ดินฝ่ายโจทก์ได้ทำรั้วไม้ไผ่ขัดแตะบนคันคูเพื่อเป็นแนวเขตที่ดินของโจทก์ ต่อมานายเล็ก เอี่ยมกลัดบุตรนายน้อยเข้ารับมรดกที่ดินของนายน้อย นายเล็กได้ได้ปลูกต้นกระถินตามแนวรั้วไม้ไผ่ขัดแตะตลอดแนว และต่อมานายเล็กได้ยกที่ดินให้นายโพธิ์ จำเลยตัดต้นกระถินทำให้รั้วไม้ไผ่ขัดแตะของโจทก์พังลง ซึ่งจำเลยได้จัดสร้างรั้วให้โจทก์อย่างเดิมแล้ว ต้นกระถินที่จำเลยตัดฟันมิใช่ของโจทก์ จำเลยมิได้บุกรุกเข้าไปในที่ดินของโจทก์ ขอให้ยกฟ้อง ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้โจทก์ฟ้องขับไล่จำเลยออกจากที่ดินของโจทก์โดยอ้างว่าจำเลยบุกรุกและเรียกค่าเสียหายจากการขาดประโยชน์ในที่ดินพิพาทเป็นเงินเดือนละ 50 บาท ถือได้ว่าที่ดินพิพาทอาจให้เช่าได้ไม่เกินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อจำเลยให้การว่าที่ดินพิพาทเป็นของสามีจำเลยซึ่งมีที่ดิน ติดต่อกับที่ดินของโจทก์ มิได้กล่าวแก้เป็นข้อพิพาทด้วยกรรมสิทธิ์ และศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ให้ยกฟ้องโจทก์โดยวินิจฉัยว่าที่ดินพิพาทไม่ใช่ของโจทก์ คดีจึงต้องห้ามมิให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 248 โจทก์ฎีกาว่าที่ดินพิพาทเป็นของโจทก์เป็นการฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงต้องห้ามตามบทบัญญัติของกฎหมายดังกล่าว ที่ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาโจทก์นั้นจึงไม่ชอบด้วยกระบวนพิจารณา ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาโจทก์