คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 3005/2525

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอ ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอให้ไปตรวจสอบไม้ตามที่มีผู้ยื่นคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ จำเลยไม่ได้ไปตรวจสอบไม้ ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง และไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ แต่จำเลยได้ลงลายมือชื่อของตนในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบดังกล่าวแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริง สมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่ผู้ขอ ทำให้ป่าไม้อำเภอซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหายการกระทำของจำเลยเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอและกรมป่าไม้ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(1)
ระเบียบของกรมป่าไม้ที่ระบุให้จำเลยซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ด้วยตนเองนั้นปรากฏว่าในทางปฏิบัติได้อนุโลมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่เป็นผู้เขียนกรอกเองได้เพื่อความสะดวกรวดเร็ว การที่จำเลยได้ยอมให้ผู้ขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ซึ่งมิใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ แล้วจำเลยลงชื่อว่าตนเป็นผู้เขียนหรือกรอกเองนั้น เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้นมิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบไม่เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157
การเขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ดังกล่าว เป็นการเขียนกรอกข้อความตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ จึงมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจดการกระทำของจำเลยจึงไม่ใช่การละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยมีหน้าที่ต้องรับจดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 162(3)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่าจำเลยที่ 1 ปลอมคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ หนังสือกำกับไม้แปรรูป แล้วนำคำขอใบเบิกทางไม้หรือของป่าเคลื่อนที่และหนังสือกำกับไม้แปรรูปที่ทำปลอมขึ้นนั้นไปใช้อ้างแสดงต่อพนักงานป่าไม้อำเภอเมืองลำปางเพื่อขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นเจ้าพนักงานทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยป่าไม้อำเภอเมืองลำปาง ได้รับคำสั่งจากป่าไม้อำเภอเมืองลำปางให้ตรวจสอบไม้ตามคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่และหนังสือกำกับไม้ตามที่จำเลยที่ 1 ยื่นขอ ว่ามีไม้ตามชนิด จำนวน ขนาด ปริมาณ ตรงตามคำขอหรือไม่ และตรวจสอบหลักฐานการชำระค่าภาคหลวงของไม้ดังกล่าว จำเลยที่ 2 ไม่ได้ไปตรวจสอบไม้หลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวง แต่ได้ลงลายมือชื่อในหนังสือกำกับไม้ในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการตรวจสอบถูกต้องแล้ว และทำความเห็นเสนอนายอำเภอเมืองลำปางว่าได้ทำการตรวจไม้รายนี้ถูกต้องแล้วอันเป็นความเท็จ เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และเป็นการรับรองเป็นหลักฐานว่าได้กระทำการอย่างใดขึ้น รับรองว่าการอย่างใดได้กระทำต่อหน้าตนอันเป็นความเท็จ และจำเลยที่ 2 มีหน้าที่กรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ ได้มอบให้จำเลยที่ 1 ซึ่งไม่ใช่พนักงานเจ้าหน้าที่เป็นผู้นำกรอกข้อความลงในเอกสารดังกล่าวแล้วจำเลยที่ 2 ลงนามยืนยันและรับรองความถูกต้องแท้จริง อันเป็นการละเว้นไม่จดข้อความซึ่งตนมีหน้าที่ต้องรับจดและเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ขอให้ลงโทษจำเลยทั้งสองตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)(3), 242, 264, 268, 83

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ

จำเลยที่ 2 ให้การปฏิเสธ

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 252, 264, 268 ลงโทษตามมาตรา 252 และ 268 จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1)(3) ลงโทษตามมาตรา 147 ซึ่งเป็นบทหนัก ของกลางริบ

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้เป็นว่า ให้ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ 2 นอกจากที่แก้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ไม่ได้ตรวจสอบไป ไม่ได้ตรวจสอบหลักฐานการชำระเงินค่าภาคหลวงและไม่ได้ตรวจสอบบัญชีจำหน่ายไม้ตามคำสั่งของป่าไม้อำเภอเมืองลำปาง แต่จำเลยที่ 2 ได้ลงลายมือชื่อของตนเองในหนังสือกำกับไม้แปรรูปในช่องผู้ตรวจสอบเพื่อเป็นหลักฐานแสดงว่าได้ทำการสำรวจดังกล่าวแล้วและทำความเห็นเสนอนายอำเภอเมืองลำปาง ในคำขอใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ว่าได้ไปทำการตรวจสอบไม้รายนี้แล้วถูกต้องจริงตามหลักฐานเดิมที่ผู้ร้องขอกล่าวอ้างได้ใช้ตราตีประทับไว้เป็นสำคัญ เห็นสมควรออกใบเบิกทางให้ได้ ซึ่งเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้ป่าไม้อำเภอเมืองลำปางในฐานะผู้ทำการแทนนายอำเภอเมืองลำปางออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ให้แก่จำเลยที่ 1 การกระทำดังกล่าวทำให้ป่าไม้อำเภอเมืองลำปางซึ่งเป็นผู้ออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ได้รับความเสียหาย เนื่องจากออกใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ไปตามหลักฐานเท็จซึ่งจำเลยที่ 2 เป็นผู้รับรองและเสนอการกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ป่าไม้อำเภอเมืองลำปาง และกรมป่าไม้ และเป็นความผิดฐานรับรองเป็นหลักฐานว่าตนได้กระทำการอย่างใดขึ้นอันเป็นความเท็จ

ปัญหาต่อไปมีว่า การที่จำเลยที่ 2 ให้จำเลยที่ 1 เขียนกรอกข้อความลงในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่ โดยจำเลยที่ 2 ลงชื่อเป็นผู้กรอกเขียนเองนั้นเป็นความผิดฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้ลงนามอนุญาตในใบเบิกทางนำไม้หรือของป่าเคลื่อนที่และกรมป่าไม้ และเป็นความผิดฐานละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ต้องรับจดหรือไม่ ศาลฎีกาเห็นว่า การเขียนกรอกข้อความดังกล่าวนี้มีระเบียบของกรมป่าไม้ระบุให้จำเลยที่ 2 ซึ่งเป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ต้องเขียนกรอกเอง แต่ได้ความว่า ในทางปฏิบัติอนุโลมให้ผู้ออกใบเบิกทางเขียนเอง ทั้งนี้เพื่อแบ่งเบาภาระของพนักงานเจ้าหน้าที่และเป็นการอำนวยความสะดวกรวดเร็วให้แก่ผู้ขอ ดังนี้การกระทำของจำเลยที่ 2 เป็นการปฏิบัติผิดระเบียบของกรมป่าไม้เท่านั้น มิใช่เป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และการปฏิบัติผิดระเบียบดังกล่าวก็มีการอนุโลมให้ทำได้ การกระทำของจำเลยที่ 2 จึงไม่เป็นความผิด การเขียนกรอกข้อความดังกล่าว มิใช่เป็นการเขียนกรอกตามช่องในแบบฟอร์มซึ่งมีช่องให้กรอกเป็นช่อง ๆ การเขียนกรอกข้อความดังกล่าวมิใช่เป็นการจดข้อความซึ่งมีหน้าที่ต้องรับจด ฉะนั้นการที่จำเลยที่ 2 ไม่เขียนกรอกข้อความเอง จึงไม่เป็นการละเว้นไม่จดข้อความซึ่งจำเลยที่ 2 มีหน้าที่ต้องรับจด

พิพากษาแก้คำพิพากษาศาลอุทธรณ์เป็นว่า จำเลยที่ 2 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 162(1) ให้ลงโทษตามมาตรา 147 ซึ่งเป็นบทหนัก นอกจากที่แก้ให้คงเป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share