แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
บิดามารดาโจทก์ทั้งหกแจ้งการเกิดของโจทก์ทั้งหกต่อสำนักงานกิจการญวนอพยพด้วยความสมัครใจมิได้ถูกผู้ใดบังคับให้ไปแจ้ง และ ง. บิดาโจทก์ทั้งหกพาโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ ก็โดยเข้าใจเอาเองว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3เป็นคนญวนอพยพโดยมิได้มีผู้ใดบังคับเช่นกัน การที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีประกาศให้คนญวนอพยพไปแจ้งต่อสำนักงานกิจการญวนอพยพนั้นก็น่าจะเป็นประกาศที่มีลักษณะเป็นการประกาศทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่คำสั่งเฉพาะเจาะจงบังคับให้โจทก์ทั้งหกไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ เหตุที่มีชื่อโจทก์ทั้งหกในทะเบียนบ้านญวนอพยพ ก็เนื่องจากบิดาของโจทก์ทั้งหกไปแจ้งต่อจำเลยที่ 3 ว่า โจทก์ทั้งหกเป็นคนญวนอพยพ โดยเข้าใจเอาเองว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนญวนอพยพ มิใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2และที่ 3 ที่เพิ่มชื่อโจทก์ทั้งหกในทะเบียนบ้านญวนอพยพโดยพลการทั้งโจทก์ทั้งหกก็ไม่เคยโต้แย้งต่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่าโจทก์ทั้งหกมิใช่คนญวนอพยพ คดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งหก โจทก์ทั้งหกจึงไม่มีอำนาจฟ้อง.
ย่อยาว
โจทก์ทั้งหกฟ้องว่า โจทก์ทั้งหกเป็นบุตรของนางสมจิตรรัตนูปการหรือนางกวี๋ เหวียน ซึ่งเป็นผู้มีสัญชาติไทย มีบิดาที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย โจทก์ทั้งหกเกิดในราชอาณาจักรไทย เมื่อโจทก์ทั้งหกเกิดมา จำเลยที่ 1 อ้างว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนต่างด้าวประเภทคนญวนอพยพ และจำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันเพิ่มชื่อโจทก์ทั้งหกลงในทะเบียนบ้านญวนอพยพ ทั้งนี้จำเลยที่ 2 และที่ 3กระทำไปตามคำสั่งของจำเลยที่ 1 ถือว่าจำเลยทั้งสามร่วมกันกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนต่างด้าว อันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ ทำให้โจทก์ทั้งหกได้รับความเสียหาย ขอให้พิพากษาว่าโจทก์ทั้งหกเป็นผู้มีสัญชาติไทย ให้จำเลยทั้งสามร่วมกันถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนบ้านญวนอพยพ
ก่อนที่จำเลยที่ 1 ยื่นคำให้การ โจทก์บอกกล่าวขอถอนฟ้องจำเลยที่ 1 ศาลชั้นต้นอนุญาต
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ให้การว่า โจทก์ทั้งหกไม่ได้เกิดที่จังหวัดอุบลราชธานี หรือในราชอาณาจักรไทยจึงไม่ใช่ผู้มีสัญชาติไทยโจทก์ทั้งหกเป็นบุตรโดยชอบด้วยกฎหมายของนายง๊อก เหวียน ซึ่งเป็นคนญวนอพยพและนางกิ๋ว เหวียน มารดาของโจทก์ก็เป็นคนญวนอพยพโจทก์ทั้งหกจึงเป็นผู้มีสัญชาติญวนตามประกาศของคณะปฏิวัติฉบับที่ 337 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515 จำเลยที่ 2 และที่ 3ไม่ได้เป็นผู้เพิ่มชื่อโจทก์ทั้งหกลงในทะเบียนบ้านคนญวนอพยพแต่โจทก์ทั้งหกสมัครใจไปแจ้งต่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานกิจการอพยพจังหวัดอุบลราชธานี ให้ใส่ชื่อโจทก์ทั้งหกลงในทะเบียนบ้านดังกล่าว จำเลยที่ 2 และที่ 3 ไม่เคยกล่าวอ้างว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนญวน และไม่เคยกระทำการใดอันเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งหก โจทก์ทั้งหกจึงไม่มีอำนาจฟ้อง ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า โจทก์ทั้งหกเป็นผู้มีสัญชาติไทย ให้จำเลยที่ 2 และที่ 3 ร่วมกันถอนชื่อโจทก์ทั้งหกออกจากทะเบียนญวนอพยพ
จำเลยที่ 2 และที่ 3 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 และที่ 3 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว คดีมีปัญหาในชั้นนี้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งหกหรือไม่ โจทก์ทั้งหกมีนางสมจิตร รัตนูปการ หรือนางกวี๋ เหวียน มารดาโจทก์ทั้งหกเป็นพยานเบิกความว่า เมื่อโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 มีอายุครบ13 ปีได้มีเจ้าหน้าที่สำนักงานกิจการญวนอพยพมาที่บ้าน บอกให้โจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพโดยอ้างว่าโจทก์ที่ 1ถึงที่ 3 เป็นคนญวนอพยพ พยานเชื่อว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3เป็นคนญวนอพยพ บิดาของโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นคนพาโจทก์ที่ 1ถึงที่ 3 ไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ และมีนายง๊อก เหวียนบิดาโจทก์ทั้งหกเบิกความว่า ใน พ.ศ. 2514 ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีได้ประกาศให้ชาวญวนอพยพไปแจ้งต่อสำนักงานกิจการญวนอพยพ พยานและนางสมจิตรจึงไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพตามที่ประกาศ แต่ขณะนั้นโจทก์ที่ 1 และที่ 2 อายุไม่ถึง 12 ปี ไม่ครบเกณฑ์ที่จะต้องทำบัตรประจำตัวดังกล่าว พยานแจ้งการเกิดของโจทก์ทั้งหกต่อเจ้าหน้าที่สำนักงานกิจการญวนอพยพ เมื่อโจทก์ที่ 1และที่ 2 อายุครบ 12 ปี เจ้าหน้าที่สำนักงานกิจการญวนอพยพแจ้งให้โจทก์ที่ 1 และที่ 2 ไปทำบัตรประจำตัวดังกล่าว ก่อนฟ้องคดีนี้พยานกับโจทก์ทั้งหกไม่เคยโต้แย้งต่อทางราชการว่าโจทก์ทั้งหกมิใช่คนญวนอพยพ เห็นว่า ตามคำเบิกความของนางสมจิตรและนายง๊อกมารดาและบิดาโจทก์ทั้งหกดังกล่าวปรากฏว่าบิดามารดาโจทก์ทั้งหกแจ้งการเกิดของโจทก์ทั้งหกต่อสำนักงานกิจการญวนอพยพด้วยความสมัครใจมิได้ถูกผู้ใดบังคับให้ไปแจ้ง และนายง๊อกพาโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 ไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพก็โดยเข้าใจเอาเองว่าโจทก์ที่ 1 ถึงที่ 3 เป็นคนญวนอพยพโดยมิได้มีผู้ใดบังคับเช่นกันส่วนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดอุบลราชธานีประกาศให้คนญวนอพยพไปแจ้งต่อสำนักงานกิจการญวนอพยพนั้นก็น่าจะเป็นประกาศที่มีลักษณะเป็นการประกาศทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่คำสั่งเฉพาะเจาะจงบังคับให้โจทก์ทั้งหกไปทำบัตรประจำตัวคนญวนอพยพ เหตุที่มีชื่อโจทก์ทั้งหกในทะเบียนบ้านญวนอพยพก็เนื่องจากบิดาของโจทก์ทั้งหกไปแจ้งต่อจำเลยที่ 3 ว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนญวนอพยพโดยเข้าใจเอาเองว่าโจทก์ทั้งหกเป็นคนญวนอพยพ มิใช่เกิดจากการกระทำของจำเลยที่ 2 และที่ 3 ที่เพิ่มชื่อโจทก์ทั้งหกในทะเบียนบ้านญวนอพยพโดยพลการ ทั้งโจทก์ทั้งหกก็ไม่เคยโต้แย้งต่อจำเลยที่ 2 และที่ 3 ว่าโจทก์ทั้งหกมิใช่คนญวนอพยพ คดียังฟังไม่ได้ว่าจำเลยที่ 2 และที่ 3 โต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งหก โจทก์ทั้งหกจึงยังไม่มีอำนาจฟ้อง…”
พิพากษากลับให้ยกฟ้อง.