แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
หนังสือค้ำประกันปิดอากรแสตมป์ไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่เมื่อจำเลยที่ 2 รับแล้วว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 จริง ก็ไม่จำต้องอาศัยหนังสือค้ำประกันของจำเลยที่ 2 เป็นหลักฐานในคดี ศาลพิพากษาให้จำเลยที่ 2รับผิดได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 ได้เบียดบังเอารถยนต์ยี่ห้อซูบารุของลูกค้าที่นำมาแลกเปลี่ยนกับรถยนต์ใหม่ของโจทก์ไปเป็นประโยชน์ส่วนตัว ต่อมาจำเลยที่ 1 ได้ทำหนังสือรับสภาพหนี้ให้ไว้แก่โจทก์ยอมรับชดใช้ราคารถยนต์ดังกล่าว แต่จำเลยที่ 1ผิดนัดไม่ชำระหนี้ตามกำหนด ทำให้โจทก์ได้รับความเสียหายจำเลยที่ 2 เป็นผู้ค้ำประกันยอมรับผิดร่วมกับจำเลยที่ 1ต่อโจทก์ ต้องรับผิดชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ โจทก์ทวงถามจำเลยทั้งสองแล้ว แต่จำเลยทั้งสองไม่ชำระจึงขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินจำนวน 107,677 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปี ในจำนวนเงิน 79,000 บาท นับแต่วันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การ
จำเลยที่ 2 ให้การว่า ฟ้องโจทก์เคลือบคลุม หนังสือค้ำประกันเอกสารท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอม เพราะลายมือชื่อผู้ค้ำประกันไม่ใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 2ได้บอกเลิกการค้ำประกันไปยังโจทก์แล้ว จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิดและจำเลยที่ 1 ไม่ได้กระทำผิดระเบียบของโจทก์ การที่โจทก์ยอมปล่อยรถใหม่ออกไปให้ลูกค้าแสดงว่าหลักฐานต่าง ๆ ในการซื้อขายถูกต้องครบถ้วนแล้ว เมื่อมีความเสียหายเกิดขึ้นจึงเป็นความผิดของโจทก์เอง หนังสือรับสภาพหนี้ท้ายฟ้องเป็นเอกสารปลอมเพราะมิใช่ลายมือชื่อของจำเลยที่ 1 ลงไว้ จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องรับผิด ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 79,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 20 เมษายน 2526 เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ หากจำเลยที่ 1 ไม่ชำระให้จำเลยที่ 2 ในฐานะผู้ค้ำประกันชำระแทน
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยที่ 2 ฎีกาว่าหนังสือค้ำประกันปิดอากรแสตมป์ไม่ถูกต้องตามกฎหมาย ไม่อาจรับฟังเป็นพยานเอกสารได้ ในข้อนี้จำเลยที่ 2 ได้เบิกความรับแล้วว่า จำเลยที่ 2ได้เป็นผู้ค้ำประกันจำเลยที่ 1 จริง คดีจึงเป็นอันฟังได้ตามที่จำเลยที่ 2 นำสืบรับดังกล่าว โดยไม่จำต้องอาศัยหนังสือค้ำประกันของจำเลยที่ 2 เป็นหลักฐานในคดี ฎีกาของจำเลยที่ 2 ฟังไม่ขึ้น
พิพากษายืน