แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยที่ 2 ฎีกา คดีมีทางชนะ โปรดอนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ก่อน
หมายเหตุ โจทก์ที่ 1 ที่ 2 แถลงคัดค้าน (อันดับ 276)
คดีทั้งสองสำนวนนี้ ศาลชั้นต้นพิจารณาพิพากษารวมกันและรวมกับคดีแพ่งหมายเลขดำที่ 576/2522 หมายเลขแดงที่198/2526 อีกคดีหนึ่ง ซึ่งถึงที่สุดแล้วโดยคู่ความมิได้อุทธรณ์โดยเรียกนายฐากูรหรือบุญส่งจาวสุวรรณวงษ์ เป็นโจทก์ที่ 1บริษัทพิพัทธ์ประกันภัย จำกัด เป็นโจทก์ที่ 2 นายสนิทจาวสุวรรณวงษ์เป็นโจทก์ที่3นายประดิษฐ์จันทมาศเป็นจำเลยที่ 1 นายบุญธรรม แสนงาม เป็นจำเลยที่ 2 และนายบุญลือ ใจช่วง เป็นจำเลยที่ 3
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้เงินให้โจทก์ที่ 1 เป็นเงินจำนวน 158,000 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ที่ 1 ให้จำเลยที่ 1 ที่ 2 ร่วมกันชดใช้เงินจำนวน 206,250 บาท ให้โจทก์ที่ 2 พร้อมดอกเบี้ยในอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีจากเงิน 200,000 บาท นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระแก่โจทก์ที่ 2 เสร็จ ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 3(ซึ่งเป็นโจทก์ในคดีดำที่ 576/2522)
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา พร้อมกับยื่นคำร้องดังกล่าว (อันดับ 266,267)
ศาลอุทธรณ์อนุญาตให้ทุเลาการบังคับในระหว่างอุทธรณ์แต่จำเลยที่ 2 ไม่นำหลักประกันมาวางภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ศาลชั้นต้นมีคำสั่งให้ยกคำร้อง ต่อมาจำเลยที่ 2 ขอวางหลักประกันและขอให้ศาลงดการบังคับคดีไว้ก่อน ศาลชั้นต้นอนุญาต (อันดับ 238,243)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว ถ้าจำเลยที่ 2 หาประกันสำหรับจำนวนต้นเงินและดอกเบี้ยที่จะต้องชำระตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์คำนวณถึงวันฟังคำสั่งนี้และต่อไปอีก 1 ปี มาให้เป็นที่พอใจและภายในเวลาที่ศาลชั้นต้นกำหนด ก็อนุญาตให้ทุเลาการบังคับไว้ในระหว่างฎีกาได้ มิฉะนั้นให้ยกคำร้อง