แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์มอบหมายให้จำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้า จำเลยขายสินค้าโจทก์แล้วไม่ส่งมอบเงินมัดจำค่าสินค้าแก่โจทก์เป็นการกล่าวอ้างว่า จำเลยในฐานะตัวแทนขายได้รับทรัพย์สินไว้แทนตัวการแล้วมิได้ส่งมอบให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการ เป็นการผิดสัญญาตัวแทนและบรรยายคำขอบังคับ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมดอกเบี้ยแก่โจทก์โดยมีหลักฐานการสั่งซื้อสินค้าพร้อมหนังสือของจำเลยที่รับทราบการสั่งซื้อสินค้า และยอมรับการเป็นตัวแทนขายสินค้าให้แก่โจทก์ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุม โจทก์แต่งตั้งจำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรของโจทก์ในประเทศไทย จำเลยมีหน้าที่แนะนำผู้ซื้อเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องจักรให้ถูกต้อง ดูแลให้มีการตรวจสอบเครื่องจักรทุกชิ้นก่อนที่จะใช้เครื่องจักรดังกล่าว และจะต้องรับผิดชอบในการให้บริการหลังการขายตามสัญญา จำเลยจึงเป็นตัวแทนของโจทก์มิใช่นายหน้า จำเลยจะต้องส่งมอบเงินมัดจำให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการ เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบจึงต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 811 เมื่อสัญญาตัวแทนมีข้อกำหนดว่า ราคาสินค้าที่ตัวแทนจะเสนอแก่ผู้จะซื้อนั้น จะต้องไม่สูงเกินกว่ารายการราคาสินค้าที่ส่งให้แก่ตัวแทน ดังนั้นการขายสินค้าเกินราคาให้แก่ลูกค้า และไม่ส่งเงินมัดจำดังกล่าวให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการ จึงเป็นการที่ตัวแทนทำมิชอบด้วยหน้าที่ ตัวแทนไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จในส่วนนี้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นนิติบุคคลตามกฎหมายของประเทศเบลเยื่ยมเมื่อปี 2526 โจทก์ได้แต่งตั้งให้จำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในประเทศไทย โดยสัญญาว่า โจทก์จะจ่ายค่าบำเหน็จให้จำเลยร้อยละ 12.5 ของราคาขายสิุทธิตามใบกำกับสินค้า และจะจ่ายให้หลังจากที่โจทก์ได้รับค่าสินค้าเต็มจำนวนจากผู้ซื้อแล้ว ต่อมาประมาณเดือนมีนาคม 2528 จำเลยได้ทำหน้าที่เป็นตัวแทนขายเครื่องพับแบบไฮโดรลิค1 ชุด พร้อมอุปกรณ์และเครื่องตัดแบบกิโยตินไฮโดรลิค 1 ชุด พร้อมอุปกรณ์ให้แก่นายดำรงค์ แพร่พานิชชัย ผู้ซื้อในประเทศไทยเป็นเงิน 2,935.000เบลเยี่ยมฟรัง ผู้ซื้อได้จ่ายเงิน 2,400,000 บาท เบลเยี่ยมฟรังให้โจทก์ แล้วส่งเงินมัดจำในการซื้อสินค้าดังกล่าว 535,000เบลเยี่ยมฟรัง ซึ่งคิดเป็นเงินไทยขณะนั้น 237,200 บาท ผู้ซื้อได้ชำระให้จำเลย แต่จำเลยไม่ส่งให้โจทก์ โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอคิดค่าเสียหายเป็นดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีนับแต่วันที่ 16 ธันวาคม 2528 ถึงวันฟ้อง เป็นเงิน 13,342 บาทรวมเป็นเงิน 250,542 บาท ขอให้บังคับจำเลยชำระเงิน 250,542 บาทพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การและฟ้องแย้งว่า เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2521โจทก์จำเลยตกลงทำสัญญาให้จำเลยช่วยชี้ช่องแนะนำให้ผู้ซื้อในประเทศไทยสั่งซื้อสินค้าประเภทเครื่องพับเหล็กจากโจทก์ โดยโจทก์ให้ค่านายหน้าแก่จำเลยร้อยละ 12.5 จากยอดขายสิทธิในใบสั่งซื้อซึ่งไม่รวมค่าระวางเรือ เบี้ยประกัน และค่าภาษีศุลกากรต่าง ๆ จำเลยไม่ได้เป็นตัวแทนของโจทก์ ฟ้องของโจทก์เคลือบคลุม ราคาสินค้าที่จำเลยขายให้นายดำรงค์สูงกว่าราคาสินค้าที่โจทก์กำหนดให้ขาย ซึ่งเป็นราคาสินค้าที่โจทก์ต้องการส่วนหนึ่ง และผลประโยชน์ของจำเลยอีกส่วนหนึ่ง คือในรายการที่ 1ผลประโยชน์ของจำเลย 300,000 เบลเยี่ยมฟรัง รายการที่ 2ผลประโยชน์ของจำเลย 235,000 เบลเยี่ยมฟรัง รวมทั้งสิ้น 535,000เบลเยี่ยมฟรัง เงินจำนวนนี้โจทก์ไม่มีสิทธิได้รับจากการขายสินค้าจำเลยแต่ผู้เดียวมีสิทธิที่จะได้รับ โจทก์จึงไม่มีสิทธิฟ้องเรียกเงินจำนวนนี้จากจำเลย การที่จำเลยชี้ช่องให้โจทก์กับนายดำรงค์ทำสัญญาขายสินค้ากันตามรายการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 นั้น เครื่องตัดแบบกิโยตินไฮโดรลิค 1 ชุด พร้อมอุปกรณ์ ซื้อขายกันเพียง 800,000 เบลเยี่ยมฟรัง จำเลยมีสิทธิได้รับค่านายหน้าจากโจทก์ 116,425 เบลเยี่ยมฟรัง หรือ73,347.75 บาท และเครื่องพับแบบไฮโดรลิค นายดำรงค์ได้ขอเปลี่ยนเป็นรุ่นเล็กลงมาพร้อมอุปกรณ์ในราคา 1,350,000เบลเยี่ยมฟรัง จำเลยมีสิทธิได้รับค่านายหน้าอีก 168,750เบลเยี่ยมฟรัง หรือ 106,312 บาท นอกจากนี้โจทก์ยังค้างชำระหนี้ค่านายหน้าและหนี้อื่น ๆ บางส่วนซึ่งเป็นหนี้ที่เกี่ยวพันกัน และต่อเนื่องกันในระหว่างที่จำเลยเป็นนายหน้าขายสินค้าให้โจทก์อีกรวม 10 รายการ เป็นเงิน 4,392,952เบลเยี่ยมฟรัง หรือ 2,767,559.70 บาท โจทก์ได้ชำระให้จำเลยเพียงบางส่วนเป็นเงิน 3,546.111 เบลเยี่ยมฟรัง หรือ2,234,049.90 บาท โจทก์คงค้างเงินที่จะต้องชำระให้จำเลย846,841 เบลเยี่ยมฟรัง หรือ 533,509.83 บาท จำเลยทวงถามแล้วแต่โจทก์ไม่ชำระ จึงขอให้ยกฟ้องโจทก์และบังคับให้โจทก์ชำระเงิน846,841 เบลเยี่ยมฟรัง หรือ 533,509.83 บาท พร้อมดอกเบี้ย
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์มิได้แต่งตั้งให้จำเลยเป็นนายหน้า แต่มอบหมายให้จำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ในประเทศไทยจำเลยจึงต้องส่งคืนเงินมัดจำ 535,000 เบลเยี่ยมฟรังให้แก่โจทก์ สำหรับค่าบำเหน็จจากการที่นายดำรงค์ซื้อสินค้าจากโจทก์ตามรายการเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 รวม 2 รายการ นั้นเมื่อจำเลยปฏิบัติผิดสัญญาในการเป็นตัวแทนจำเลยก็ไม่มีสิทธิได้รับค่าบำเหน็จส่วนหนี้ โจทก์มิได้ค้างชำระค่านายหน้าตามรายการฟ้องแย้ง ฟ้องแย้งของจำเลยเคลือบคลุม ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงิน 250,542 บาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีของต้นเงิน 237,200 บาท นับแต่วันฟ้อง(วันที่ 17 กันยายน 2529) เป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ส่วนฟ้องแย้งของจำเลยให้ยก
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า โจทก์บรรยายฟ้องว่า โจทก์มอบหมายให้จำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของโจทก์ โดยจ่ายค่าบำเหน็จร้อยละ 12.5 ของราคาขายสุทธิให้จำเลย ต่อมาจำเลยตกลงขายสินค้าของโจทก์ให้นายดำรงค์แล้วไม่ส่งมอบเงินมัดจำค่าสินค้าให้โจทก์ อันเป็นคำฟ้องที่แสดงโดยแจ้งชัดซึ่งสภาพแห่งข้อหาของโจทก์ว่า จำเลยในฐานะเป็นตัวแทนขายได้รับทรัพย์สินไว้แทนตัวการแล้วมิได้ส่งมอบให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการ เป็นการผิดสัญญาตัวแทน พร้อมทั้งคำขอบังคับ กล่าวคือ ขอให้ศาลบังคับให้จำเลยชำระเงินจำนวนดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ย โดยมีหลักฐานการสั่งซื้อสินค้าพร้อมหนังสือของจำเลยที่รับทราบการสั่งซื้อสินค้า และยอมรับการเป็นตัวแทนขายสินค้าให้แก่โจทก์ จึงประกอบเป็นข้ออ้างที่อาศัยเป็นหลักแห่งข้อหานั้นแล้วโดยครบถ้วน ฟ้องโจทก์ไม่เคลือบคลุมแต่อย่างใด
ข้อตกลงตามสัญญาซึ่งโจทก์แต่งตั้งจำเลยเป็นตัวแทนจำหน่ายเครื่องจักรของโจทก์ในประเทศไทย จำเลยมีหน้าที่แนะนำผู้ซื้อเกี่ยวกับการติดตั้งเครื่องจักรให้ถูกต้อง และจะดูแลให้มีการตรวจสอบเครื่องจักรทุกชิ้นโดยถูกต้องก่อนที่จะใช้เครื่องจักรดังกล่าว และจะต้องรับผิดชอบในการให้บริการหลังการขายตามสัญญาข้อ 13 และข้อ 14 จำเลยตำลงเป็นตัวแทนให้แก่โจทก์ด้วยการลงลายมือชื่อรับทราบการแต่งตั้งไว้แล้ว ทั้งต่อมาจำเลยได้ทำตามคำสั่งแต่งตั้งตัวแทนของโจทก์ โดยลงลายมือชื่อที่ช่องผู้ขายในสัญญาขายเครื่องตัดโลหะไฮโดรลิคแบบกิโยตินของโจทก์กับนายดำรงค์ในฐานะผู้ซื้อตามสัญญาซื้อขาย จำเลยก็แปลข้อความในสัญญาเอกสารหมาย จ.6 ว่าโจทก์แต่งตั้งจำเลยเป็นตัวแทน ฉะนั้นจึงต้องฟังว่า จำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ มิใช่นายหต้า ซึ่งไม่มีสิทธิทำการแทนตัวการ และไม่มีหน้าที่ใดหลังการชี้ช่องให้มีการทำสัญญากันแล้ว เมื่อจำเลยเป็นตัวแทนของโจทก์ เงินมัดจำสินค้าที่จำเลยรับจากนายดำรงค์ในการเป็นตัวแทนขายสินค้าของโจทก์ จำเลยจะต้องส่งมอบให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการ เมื่อจำเลยไม่ส่งมอบ กลับนำไปใช้เป็นประโยชน์ส่วนตัว จำเลยจึงต้องเสียดอกเบี้ยให้แก่โจทก์นับแต่วันที่ได้เอาไปใช้ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 811
เมื่อสัญญาตัวแทนเอกสารหมาย จ.6 ข้อ 11 มีข้อกำหนดว่าราคาที่ตัวแทนเสนอแก่ผู้จะซื้อนั้นจะต้องไม่สูงเกินกว่ารายการราคาที่แอลวีดี ส่งให้แก่ตัวแทน ยกเว้นในกรณีพิเศษซึ่งตัวแทนเห็นว่ายุติธรรม ดังกล่าว การขายสินค้าทั้งสองรายการเกินราคาให้แก่ลูกค้า และไม่ส่งเงินมัดจำดังกล่าวให้แก่โจทก์ซึ่งเป็นตัวการ จึงเป็นการที่ตัวแทนทำมิชอบด้วยหน้าที่ตัวแทน จึงไม่มีสิทธิได้รับบำเหน็จในส่วนนี้ และฟังข้อเท็จจริงว่าโจทก์ยังเป็นเจ้าหนี้จำเลยอยู่ตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์
พิพากษายืน