คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 298/2480

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

เอกชนที่มีเหมืองฝายงดเว้นไม่ปล่อยน้ำให้ผู้ที่มีที่ดินอยู่ใกล้เคียง คณะกรรมการจังหวัดมีอำนาจสั่งบังคับให้ปล่อยน้ำได้ แต่ถ้าปรากฎว่าถ้าปล่อยน้ำจะทำให้เกิดเสียหายแก่เจ้าของเหมืองฝายคณะกรรมการจังหวัดก็หามีอำนาจสั่งบังคับได้ไม่ คดีที่ศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำเลยโดยไม่สืบพะยานโจทก์จำเลยแลศาลอุทธรณ์พิพากษากลับให้ศาลชั้นต้นสืบพะยานโจทก์จำเลยแล้วพิพากษาคดีไปตามรูปความนั้น โจทก์ฎีกาได้

ย่อยาว

คดีนี้โจทก์ฟ้องว่าจำเลยมีเหมืองฝายแล้วไม่ให้น้ำแก่ราษฎรใกล้เคียงเหมืองฝายเพียงพอ ทำให้ราษฎรขาดแคลนน้ำที่จะใช้สำหรับทำนา คณะกรรมการจังหวัดจึงมีคำสั่งให้แก้ไขทำนบ จำเลยขัดขืน โจทก์จึงฟ้องขอให้ลงโทษตาม พ.ร.บ.ควบคุมเหมืองฝาย ม.๘-๙-๑๖-๒๙
จำเลยให้การว่า ถ้าปฏิบัติตามคำสั่งนั้นแล้วจะเป็นการเสียหายแก่จำเลย ๆ จึงไม่จำต้องปฏิบัติตามอ้างมาตรา ๙
ศาลชั้นต้นเห็นว่า เมื่อจำเลยรับในข้อเท็จจริงเช่นนี้ ก็ไม่จำต้องสืบพะยานต่อไป พิพากษาให้ปรับจำเลยตาม ม.๒๙
ศาลอุทธรณ์เห็นว่าคดียังไม่ได้ความเป็นข้อเท็จจริงพอที่จะวินิจฉัยได้ จึงให้ศาลชั้นต้นพิจารณาสืบพะยานแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปความ
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่าตาม พ.ร.บ.ควบคุมเหมืองฝาย ม.๙-๑๖ ถ้าปรากฎว่าจำเลยไม่ปล่อยน้ำให้ผู้ที่มีที่ดินอยู่ริมหรือใกล้เหมืองฝายตามที่บังคับไว้ใน ม.๙ คณะกรรมการจังหวัดก็มีอำนาจที่จะสั่งบังคับจำเลยตามที่ ม.๑๖ ให้อำนาจไว้ ถ้าจำเลยมิได้ฝ่าฝืน ม.๙ คณะกรรมการจังหวัดก็หามีอำนาจที่จะสั่งจำเลยได้ไม่ ปัญหาจึงมีว่าจำเลยได้งดเว้นมิได้ปฏิบัติตาม ม.๙ หรือไม่ เห็นว่าข้อเท็จจริงตามที่ปรากฎในสำนวนไม่พอที่จะวินิจฉัยคดีได้ สมควรให้โอกาศคู่ความสืบพะยานหลักฐานแล้วพิจาณาพิพากษาใหม่ ตามรูปความ จึงพิพากษายืนตามศาลอุทธรณื

Share