คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2974/2532

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานโจทก์นัดแรก ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอเลื่อนคดีเพราะป่วย ศาลอนุญาตให้เลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 28 และ 29 กรกฎาคม 2529 แต่เสมียนทนายเข้าใจผิดได้แจ้งให้ทนายจำเลยทราบว่าศาลเลื่อนไปนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 29กรกฎาคม 2529 เพียงวันเดียว ซึ่งในวันดังกล่าวทนายจำเลยก็มาศาลและได้ยื่นบัญชีระบุพยานจำเลยในคดีดังกล่าวเพิ่มเติมด้วย แม้เสมียนทนายจำเลยได้ลงลายมือชื่อในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลก็ตามก็อาจเข้าใจผิดได้ การที่ทนายจำเลยไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2529 และไม่มาศาล ถือไม่ได้ว่าจำเลยจงใจขาดนัดพิจารณา

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยส่งมอบรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน 7ง-3975กรุงเทพมหานคร ของโจทก์ให้แก่โจทก์ จำเลยให้การต่อสู้คดี ศาลชั้นต้นนัดสืบพยานโจทก์ จำเลยขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียว แล้วพิพากษาให้จำเลยส่งมอบรถยนต์ให้แก่โจทก์ตามฟ้องจำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้พิจารณาใหม่ อ้างว่าเสมียนทนายจำเลยแจ้งวันนัดสืบพยานโจทก์ให้ทนายจำเลยทราบผิดไป จำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา โจทก์ยื่นคำแถลงคัดค้านว่า จำเลยดำเนินกระบวนพิจารณาในทางประวิงคดี และจงใจขาดนัดพิจารณา ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วอนุญาตให้พิจารณาใหม่ โจทก์อุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีมีปัญหาวินิจฉัยว่า มีเหตุที่จำเลยจะขอให้มีการพิจารณาใหม่หรือไม่ ข้อเท็จจริงได้ความว่า ในวันที่นัดสืบพยานโจทก์เป็นครั้งแรกหลังจากที่จำเลยได้ยื่นคำให้การต่อสู้คดีนั้น ทนายจำเลยป่วยได้มอบฉันทะให้นายจรูญ เสมียนทนายนำคำร้องมายื่นต่อศาลเพื่อขอเลื่อนคดี ที่จำเลยอ้างและนำสืบว่านายจรูญเสมียนทนายเข้าใจว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์วันเดียวในวันที่29 กรกฎาคม 2529 เวลา 9 นาฬิกา นายจรูญได้แจ้งให้ทนายจำเลยทราบ ซึ่งในวันดังกล่าวทนายจำเลยก็ได้มาศาลและได้ยื่นบัญชีระบุพยานจำเลยเพิ่มเติมนั้นจำเลยมีนางศรีสมร คงคะจันทร์ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ศาลเป็นพยานเบิกความรับรองในข้อนี้ นายจรูญนั้นแม้จะได้ลงลายมือชื่อรับทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ไว้ในรายงานกระบวนพิจารณาของศาลแต่ก็อาจเข้าใจผิดได้ว่า ศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่29 กรกฎาคม 2529 เพียงวันเดียว คดีมีเหตุผลน่าเชื่อว่าทนายจำเลยไม่ทราบว่าศาลนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2529 เวลา13.30 นาฬิกาเป็นวันแรก จึงไม่ได้มาศาลในวันดังกล่าวซึ่งถือได้ว่าจำเลยมิได้จงใจขาดนัดพิจารณา ปรากฏตามคำขอให้พิจารณาใหม่ของจำเลยว่าโจทก์เพียงแต่นำสืบพยานฝ่ายเดียว จำเลยมีพยานบุคคลและพยานเอกสารเพียงพอที่จะนำสืบได้ตามข้อต่อสู้และมีทางชนะคดีได้เห็นว่าคำขอดังกล่าวได้กล่าวโดยชัดแจ้งซึ่งข้อคัดค้านคำตัดสินชี้ขาดของศาลตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 208 แล้วกรณีมีเหตุสมควรที่จะอนุญาตให้พิจารณาใหม่ ที่ศาลล่างทั้งสองมีคำสั่งอนุญาตให้พิจารณาใหม่ตามคำขอของจำเลยชอบแล้ว ฎีกาของโจทก์ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share