แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำการปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานเลย และปรากฏว่าชายคาเรือนล้ำที่คนอื่นเข้าไปประมาณ 50 ซ.ม. และเรือนพิพาทปลูกคร่อมทางที่คนอื่นเคยใช้ออกไปสู่ทางสาธารณะอันเป็นการเสียหายเดือดร้อนแก่คนอื่นเช่นนี้ ย่อมเป็นการสมควรที่ศาลจะต้องสั่งรื้อเรือนพิพาทตามที่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นผู้เป็นโจทก์ร้องขอ
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่าจำเลยปลูกสร้างอาคารไม่รับอนุญาต และจำเลยถูกพนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับ 500 บาทแล้ว ขอให้ศาลสั่งให้จำเลยรื้ออาคารนั้น
จำเลยต่อสู้ว่า เดิมเรือนหลังนี้เป็นของวัดสมณนานัม จำเลยเช่าอยู่ 30 ปีแล้ว ไม้ผุชำรุดจำเลยจึงซ่อมแซมใหม่ มิใช่เป็นการปลูกสร้างอาคาร ที่จำเลยเสียค่าปรับก็เป็นการเสียแทนวัด เพราะไม่อยากให้วัดเดือดร้อน กับตัดฟ้องว่า (ก) โจทก์ฟ้องจำเลยไม่ได้เพราะจำเลยไม่ใช่เจ้าของอาคาร จำเลยไม่มีสิทธิหรืออำนาจที่จะรื้อเรือนของบุคคลอื่นได้ และ (ข) ฟ้องโจทก์ขาดอายุความ
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า
1. แม้เรือนพิพาทจะเป็นของวัด เมื่อจำเลยรับว่าเป็นผู้ปลูกสร้าง และยอมให้พนักงานสอบสวนเปรียบเทียบปรับฐานปลูกสร้างอาคารไม่รับอนุญาตตาม พ.ร.บ. ควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 โจทก์ย่อมมีอำนาจฟ้องศาลให้บังคับจำเลยรื้อถอนอาคารที่สร้างโดยไม่ได้รับอนุญาตนี้ได้
2. ตามข้อเท็จจริง เป็นเรือนที่สร้างใหม่ ไม่ใช่เพียงแต่ซ่อมแซม
3. คดีไม่ขาดอายุความ เพราะเป็นเรื่องที่ตั้งหลักฐานจากการเปรียบเทียบปรับของพนักงานสอบสวน อันเป็นการประนีประนอมยอมความอายุความฟ้องร้องจึงมีกำหนด 10 ปี
พิพากษาให้จำเลยรื้อถอนอาคารพิพาท
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์คงรับอุทธรณ์แต่เฉพาะข้อกฎหมายว่า ศาลจะพิพากษาให้จำเลยรื้อถอนเรือนที่ไม่ใช่ของจำเลยได้หรือไม่ และคดีโจทก์ขาดอายุความหรือไม่
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า
1. เรื่องนี้เป็นการที่โจทก์ขอให้เพิกถอนหรือระงับการกระทำผิดที่ยังคงมีอยู่ในขณะที่โจทก์ยื่นฟ้อง ที่จำเลยอุทธรณ์ว่าขาดอายุความจึงฟังไม่ขึ้น
2. ตาม พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 มาตรา 11 ศาลอาจสั่งผู้กระทำผิดให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขหรือรื้อถอนอาคารได้อยู่ในดุลพินิจของศาล ไม่ใช่เป็นบทบังคับว่าศาลจำต้องสั่งให้รื้อถอนทุกกรณีเสมอไป ศาลอุทธรณ์เห็นว่ายังไม่สมควรที่สั่งให้ตามที่โจทก์ขอ
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกาในข้อกฎหมายว่า กรณีอย่างนี้ศาลควรจะต้องสั่งให้จำเลยรื้อถอนอาคารที่ปลูกสร้างโดยไม่ได้รับอนุญาต
ศาลฎีกาเห็นว่าวัตถุประสงค์ของการประกาศใช้ พระราชบัญญัติควบคุมการก่อสร้างอาคาร พ.ศ. 2479 ก็เพื่อให้โอกาศเจ้าหน้าที่ที่จะควบคุมการก่อสร้างอาคารต่าง ๆ ให้อยู่ในสภาพแข็งแรงถูกอนามัยป้องกันอัคคีภัยและให้เป็นไปตามนโยบายของรัฐในเรื่องผังเมืองมาตรา 11 จึงบัญญัติความผิดและวิธีดำเนินการไว้สำหรับผู้ที่มิได้ขออนุญาตทำการก่อสร้างเลยอย่างหนึ่ง และผู้ที่ปลูกสร้างอาคารผิดจากแผนผังแบบก่อสร้าง รายการหรือเงื่อนไขที่ได้รับอนุญาตอีกอย่างหนึ่ง
เรื่องนี้จำเลยทำการปลูกสร้างอาคารโดยไม่ได้ขออนุญาตต่อเจ้าพนักงานเสียเลย ทั้งปรากฏว่าชายคาเรือนล้ำที่นางน้อมเข้าไปประมาณ 50 ซ.ม. และเรือนพิพาทปลูกคล่อมทางที่นางน้อมเคยใช้ออกไปสู่ทางสาธารณะอันเป็นการเสียหายเดือดร้อนแก่นางน้อม เป็นการสมควรที่ศาลจะต้องสั่งรื้อเรือนพิพาทตามฟ้องโจทก์
พิพากษากลับศาลอุทธรณ์ ให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น