แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช 2484 มาตรา 48 เห็นได้ชัดว่าเจตนารมย์ของกฎหมายมุ่งให้บรรณาธิการเป็นผู้รับผิดชอบในข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ที่ตนเป็นบรรณาธิการ เมื่อหนังสือพิมพ์ซึ่งจำเลยเป็นบรรณาธิการลงข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ จำเลยย่อมมีความผิดในฐานะเป็นตัวการ จะอ้างว่าไม่อยู่ ไม่รู้เห็น ปัดความรับผิดไปให้รองบรรณาธิการนั้นหาชอบไม่
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า โจทก์และจำเลยที่ ๑ เป็นสมาชิกสภาเทศบาล จำเลยที่ ๒ เป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์และหัวหน้ากองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พิทักษ์ชน จำเลยที่ ๓ เป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พิทักษ์ชน จำเลยที่ ๔ เป็นผู้พิมพ์โฆษณาหนังสือพิมพ์พิทักษ์ชนหนังสือพิมพ์พิทักษ์ชนมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ ๔๔๘/๒ -๓ ถนนราชดำเนิน อำเภอเมื่องนครศรีธรรมราช พิมพ์จำหน่ายทั่วราชอาณาจักร จำเลยที่ ๑ ได้กล่าวข้อความอันเป็นเท็จในความหมิ่นประมาทโจทก์ต่อหน้าจำเลยที่ ๒ กับพวกซึ่งเป็นผู้สื่อข่าวหนังสือพิมพ์ว่า ตามข่าวที่พิทักษ์ชนลงข่าวไปว่านายเชวงศักดิ์และนายจรูญขายตัวนั้นเป็นความจริง โดยนายจรูญได้รับเงินไปสองหมื่นบาท ฯลฯ ทั้งนี้ โดยจำเลยที่ ๑ ที่ ๒ นำข้อความที่จำเลยที่ ๑ ให้สัมภาษณ์ดังกล่าวไปลงพิมพ์เผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ ต่อมาจำเลยทั้งสี่นำข้อความดังกล่าวไปลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์พิทักษ์ชนฉบับปีที่ ๓ เล่มฉบับที่ ๘๖ วันที่ ๑๐-๑๙ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๙ แล้วร่วมกันนำออกโฆษณาเผยแพร่ จำหน่าย จ่ายแจก ให้ประชาชนทั่วราชอาณาจักรได้อ่าน ทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชังจากประชาชน ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖,๓๒๘ ,๘๓ พระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้วให้ประทับฟ้อง
จำเลยทั้งสี่ให้การปฏิเสธ ระหว่างสืบพยานพยานจำเลยโจทก์ถอนฟ้องเฉพาะจำเลยที่ ๑
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๖,๓๒๘,๘๓ พระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘ ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๓๒๘,๘๓ จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ อุทธรณ์ยกฟ้องโจทก์เฉพาะจำเลยที่ ๔ จำคุกจำเลยที่ ๒ หกเดือน ปรับสองพันบาท ปรับจำเลยที่ ๓ หนึ่งพันบาท รอการลงโทษจำเลยที่ ๒ สองปี
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ ๒ ที่ ๓ ฎีกา ศาลชั้นต้นรับฎีกาเฉพาะข้อกฎหมาย
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยที่ ๓ ไม่ควรต้องรับผิดเพราะขณะเกิดเหตุจำเลยที่ ๓ ซึ่งเป็นบรรณาธิการหนังสือพิมพ์พิทักษ์ชนไม่อยู่ไปธุระที่กรุงเทพมหานครเสีย มีรองบรรณาธิการอยู่ ควรเป็นความผิดของรองบรรณาธิการนั้น ศาลฎีกาเห็นว่าตามพระราชบัญญัติการพิมพ์ พุทธศักราช ๒๔๘๔ มาตรา ๔๘ บัญญัติว่า “เมื่อมีความผิดนอกจากที่ระบุไว้ในพระราชบัญญัตินี้เกิดขึ้นด้วยการโฆษณาสิ่งพิมพ์นอกจากหนังสือพิมพ์ ผู้ประพันธ์ซึ่งตั้งใจให้โฆษณาสิ่งพิมพ์นอกจากหนังสือพิมพ์ ผู้ประพันธ์ซึ่งตั้งใจให้โฆษณาบทประพันธ์นั้นต้องรับผิดเป็นตัวการ ถ้าผู้ประพันธ์ไม่ต้องรับผิดหรือไม่ได้ตัวผู้ประพันธ์ ก็ให้เอาโทษแก่ผู้พิมพ์เป็นตัวการ” วรรคสองบัญญัติว่า “ในกรณีแห่งหนังสือพิมพ์ ผู้ประพันธ์และบรรณาธิการต้องรับผิดเป็นตัวการ และถ้าไม่ได้ตัวผู้ประพันธ์ก็ให้เอาโทษแก่ผู้พิมพ์เป็นตัวการด้วย” เห็นได้ชัดว่าเจตนารมณ์ของกฎหมายมุ่งให้บรรณาธิการเป็นผู้รับชอบในข้อความที่ลงพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ที่ตนเป็นบรรณาธิการ เมื่อหนังสือพิมพ์พิทักษ์ชนซึ่งจำเลยที่ ๓ เป็นบรรณาธิการลงข้อความหมิ่นประมาทโจทก์ จำเลยที่ ๓ ย่อมมีความผิดในฐานะเป็นตัวการจะอ้างว่าไม่อยู่ ไม่รู้เห็น ปัดความรับผิดไปให้ร้องบรรณาธิการนั้นหาชอบไม่ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน.