คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 297/2492

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

การเข้าอยู่อาศัยทำกินในที่ดินของผู้อื่นนั้น เมื่อไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นพิเศษ ผู้อาศัยจะเรียกให้เจ้าของที่ดินชดใช้ค่าใช้จ่ายหรือที่ได้ลงทุนทำให้ที่ดินดีขึ้น จากเจ้าของที่ดินหาได้ไม่
เมื่อศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาฉะเพาะปัญหาข้อ ก.ม.ใดแล้ว ผู้ยื่นฎีกามิได้คัดค้านคำสั่งนั้นแต่อย่างใด ศาลฎีกาคงวินิจฉัยปัญหาข้อกฎหมายที่ศาลชั้นต้นสั่งรับมาเท่านั้น.

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า ที่ดินโฉนดที่ ๑๓๘๐ เดิมเป็นของนางหลาบ แต่ให้โจทก์ทำเปล่ามีกำหนด ๓ ปี โดยเวลานั้นยังเป็นที่รกร้าง โจทก์ได้แผ้วถางและปลูกต้นผลไม้ นางหลาบบอกขายโจทก์ไม่มีเงินซื้อ จึงให้จำเลยซึ่งเป็นน้องรับซื้อแทน และใส่ชื่อจำเลยไว้ก่อน โดยตกลงด้วยวาจาว่า โจทก์มีเงินให้จำเลย ๆ จะต้องโอนคืนให้โจทก์ โจทก์ได้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินตลอดมา โจทก์ขอให้จำเลยโอนโฉนดคืนให้โจทก์ จำเลยไม่ยอม จึงขอให้ศาลบังคับ ศาลยกฟ้อง แล้วจำเลยกับฟ้องขับไล่โจทก์ ๆ ฟ้องแย้งขอค่าเสียหาย ในที่สุดยอมความกัน โดยโจทก์ยอมออกจากที่ ส่วนข้อฟ้องแย้งให้โจทก์ฟ้องเป็นคดีขึ้นใหม่ โจทก์จึงฟ้องเป็นคดีนี้ ขอให้จำเลยใช้ค่าเสียหาย หรือค่าที่ดินที่มีราคาเพิ่มขึ้น เพราะการลงทุนลงแรงของโจทก์ จำเลยให้การว่า จำเลยซื้อที่ดินรายพิพาทจากนางหลาบเป็นของจำเลยเอง ได้ให้โจทก์อาศัยเก็บกินและทำเปล่า การที่โจทก์ลงทุนบำรุงสวนหรือปลูกต้นไม้เพิ่มเติมเป็นประเพณีของการให้สวนทำเปล่า
ศาลล่างทั้งสองฟังข้อเท็จจริงว่า โจทก์ได้อยู่และเก็บกินในที่รายนี้โดยจำเลยให้อาศัย โจทก์ไม่มีสิทธิให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย หรือค่าที่ลงทุนปลูกต้นไม้ลงไปตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๔๐๗ จึงพิพากษาต้องกันให้ยกฟ้อง
โจทก์ฎีกา ศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาฉะเพาะปัญหาข้อ ก.ม. ว่าตามข้อเท็จจริงที่ศาลชั้นต้นกับศาลอุทธรณ์ฟังว่า โจท์จะเรียกค่าเสียหายหรือค่าที่ดินเพิ่มขึ้นได้หรือไม่เท่านั้น โจทก์ไม่ได้คัดค้านอย่างใด จึงต้องฟังข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้น เป็นยุตติ
ศาลฎีกาเห็นว่า การเข้าอยู่อาศัยทำกินในที่ดินของผู้อื่นนั้น เมื่อไม่ได้ตกลงกันไว้เป็นพิเศษ ผู้อาศัยจะเรียกให้เจ้าของที่ดินชดใช้ค่าใช้จ่าย หรือค่าที่ได้ลงทุนทำให้ที่ดินดีขึ้นจากเจ้าของที่ดินหาได้ไม่ตาม ป.ม.แพ่งฯ มาตรา ๑๔๐๗ วรรค ๒.
พิพากษายืน.

Share