แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้และคดีก่อนโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์มิได้ใช้ภาระจำยอม 10 ปี และภาระจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์แล้ว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องคดีก่อน เพราะข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ ถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีแล้วว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของสามยทรัพย์ ผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง การที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามมาตรา 148
ย่อยาว
โจทก์ทั้งสี่ฟ้องว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 11118 จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2517 ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่ได้จดทะเบียนภาระจำยอมเรื่องทางเดินให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 แต่เจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ดังกล่าวไม่ได้ใช้ประโยชน์เป็นทางเดินตามที่ได้จดทะเบียนภาระจำยอมไว้ เนื่องจากที่ดินของโจทก์ทั้งสี่มีสภาพเป็นบ่อและหลุมลึกน้ำท่วมขังตลอดปี ต่อมาที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 มีการโอนกรรมสิทธิ์ให้บุคคลอื่นหลายทอด จนกระทั่งจำเลยได้รับโอนกรรมสิทธิ์ไว้เมื่อปี 2532 จำเลยได้ทำการแบ่งแยกที่ดินโฉนดเลขที่ดังกล่าว เป็นแปลงย่อยขายให้แก่บุคคลทั่วไป โดยทำเป็นหมู่บ้านจัดสรรและไม่ได้ใช้ทางเดินตามที่ได้จดทะเบียนภาระจำยอมไว้เป็นเวลาเกินกว่า 10 ปีแล้ว และภาระจำยอมหมดประโยชน์ โจทก์ทั้งสี่ประสงค์ที่จะแบ่งกรรมสิทธิ์รวมในที่ดินของโจทก์ จึงติดต่อให้จำเลยไปทำการจดทะเบียนเพิกถอนภาระจำยอม แต่จำเลยอ้างว่า กรรมการผู้มีอำนาจลงลายมือชื่อผูกพันบริษัทจำเลยไม่อยู่ และไม่มาทำการจดทะเบียนเพิกถอน โจทก์ทั้งสี่จึงฟ้องคดีต่อศาลชั้นต้นเป็นคดีแพ่งหมายเลขดำที่ ส.696/2545 คดีหมายเลขแดงที่ ส.694/2546 ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าพยานโจทก์ที่เป็นเจ้าพนักงานที่ดินไม่ยืนยันว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์จึงพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด หลังจากนั้นโจทก์ทั้งสี่มีหนังสือสอบถามไปยังสำนักงานที่ดินจังหวัดนนทบุรี สาขาปากเกร็ด ได้รับแจ้งว่าที่ดินที่เป็นสามยทรัพย์ดังกล่าวมีชื่อจำเลยเป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์การกระทำของจำเลยจึงเป็นการโต้แย้งสิทธิของโจทก์ทั้งสี่ ขอให้บังคับจำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนภาระจำยอมให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 11118 ตำบลบางพูด (บางพัง) อำเภอปากเกร็ด (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี พ้นจากภาระจำยอมในเรื่องทางเดินทิศเหนือกว้าง 8 เมตร ยาวตลอดแนวของที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 ตำบลบางพูด (บางพัง) อำเภอปากเกร็ด (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีนี้มีประเด็นว่าจำเลยเป็นเจ้าของที่ดินอันเป็นสามยทรัพย์หรือไม่ ซึ่งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ส. 694/2546 ของศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยแล้วว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์เมื่อโจทก์ทั้งสี่และจำเลยเป็นคู่ความรายเดียวกัน การที่โจทก์ทั้งสี่รื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นนี้ จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 พิพากษายกฟ้องค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 11118 เลขที่ดิน 26 ตำบลบางพูด (บางพัง) อำเภอปากเกร็ด (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่มีการจดทะเบียนภาระจำยอมเรื่องทางเดินให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 เลขที่ดิน 24 ตำบลบางพูด (บางพัง) อำเภอปากเกร็ด (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี โจทก์ทั้งสี่เคยฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมดังกล่าว อ้างว่าจำเลยมิได้ใช้ภาระจำยอมตามที่ได้จดทะเบียนไว้เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และภาระจำยอมหมดประโยชน์ ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด โดยศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ตามคดีหมายเลขดำที่ ส.696/2545 คดีหมายเลขแดงที่ ส.694/2546 ของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งสี่จึงนำคดีมาฟ้องใหม่ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่มีว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อน หรือไม่ เห็นว่า โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้และคดีก่อนโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่าจำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์มิได้ใช้ภาระจำยอม 10 ปี และภาระจำยอมประโยชน์แก่สามทรัพย์แล้ว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ในคดีก่อน เพราะข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ตามที่โจทก์อ้าง ถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีแล้วว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของสามยทรัพย์ ผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง การที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องของโจทก์ทั้งสี่มานั้นชอบแล้ว”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นผับ