คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2963/2551

แหล่งที่มา : สำนักวิชาการ

ย่อสั้น

โจทก์ฟ้องคดีนี้และคดีก่อนโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์มิได้ใช้ภาระจำยอม 10 ปี และภาระจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์แล้ว เมื่อคดีก่อนศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์เพราะข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ตามที่โจทก์อ้าง ถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีแล้วว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของสามยทรัพย์ ผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความตาม ป.วิ.พ. มาตรา 145 วรรคหนึ่ง การที่โจทก์ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตาม ป.วิ.พ. มาตรา 148

ย่อยาว

โจทก์ทั้งสี่ฟ้องขอให้บังคับจำเลยไปดำเนินการจดทะเบียนเพิกถอนภาระจำเลยยอมให้ที่ดินโฉนดเลขที่ 11118 พ้นจากภาระจำยอมในเรื่องทางเดินด้านทิศเหนือกว้าง 8 เมตร ยาวตลอดแนวของที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 หากจำเลยไม่ดำเนินการให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการแสดงเจตนา
ศาลชั้นต้นตรวจคำฟ้องแล้วมีคำสั่งว่า คดีนี้มีประเด็นว่า จำเลยเป็นเจ้าของที่ดินอันเป็นสามยทรัพย์หรือไม่ ซึ่งในคดีแพ่งหมายเลขแดงที่ ส.694/2546 ของศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาถึงที่สุดวินิจฉัยแล้วว่า ข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ เมื่อโจทก์ทั้งสี่และจำเลยเป็นคู่ความรายเดียวกัน การที่โจทก์ทั้งสี่รื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นนี้ จึงเป็นฟ้องซ้ำ ต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 พิพากษายกฟ้อง ค่าฤชาธรรมเนียมให้เป็นพับ
โจทก์ทั้งสี่อุทธรณ์เฉพาะปัญหาข้อกฎหมายโดยตรงต่อศาลฎีกา โดยได้รับอนุญาตจากศาลชั้นต้นตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 223 ทวิ
ศาลีกาวินิจฉัยว่า “ข้อเท็จจริงฟังเป็นยุติว่า โจทก์ทั้งสี่เป็นเจ้าของที่ดินโฉนดเลขที่ 11118 เลขที่ดิน 26 ที่ดินของโจทก์ทั้งสี่มีการจดทะเบียนภาระจำยอมเรื่องทางเดินให้แก่ที่ดินโฉนดเลขที่ 11116 เลขที่ดิน 24 โจทก์ทั้งสี่เคยฟ้องจำเลยต่อศาลชั้นต้นให้เพิกถอนการจดทะเบียนภาระจำยอมดังกล่าว อ้างว่าจำเลยมิได้ใช้ภาระจำยอมตามที่ได้จดทะเบียนไว้เป็นเวลากว่า 10 ปีแล้ว และภาระจำยอมหมดประโยชน์ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง คดีถึงที่สุด โดยศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่าข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ตามคดีหมายเลขดำที่ ส.696/2545 คดีหมายเลขแดงที่ ส.694/2546 ของศาลชั้นต้น โจทก์ทั้งสี่จึงนำคดีมาฟ้องใหม่ ปัญหาที่ต้องวินิจฉัยตามอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่มีว่า ฟ้องโจทก์คดีนี้เป็นฟ้องซ้ำกับคดีก่อนหรือไม่ เห็นว่า โจทก์ทั้งสี่ฟ้องคดีนี้และคดีก่อนโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกันว่า จำเลยซึ่งเป็นเจ้าของสามยทรัพย์มิได้ใช้ภาระจำยอม 10 ปี และภาระจำยอมหมดประโยชน์แก่สามยทรัพย์แล้ว การที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องโจทก์ทั้งสี่ในคดีก่อนเพราะข้อเท็จจริงยังฟังไม่ได้ว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ตามที่โจทก์อ้าง ถือว่าศาลชั้นต้นวินิจฉัยชี้ขาดในประเด็นแห่งคดีแล้วว่าจำเลยไม่ใช่เจ้าของสามยทรัพย์ ผลแห่งคำพิพากษาในคดีก่อนย่อมผูกพันโจทก์ซึ่งเป็นคู่ความตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 145 วรรคหนึ่ง การที่โจทก์ทั้งสี่ฟ้องจำเลยเป็นคดีนี้อ้างว่าจำเลยเป็นเจ้าของสามยทรัพย์ จึงเป็นการรื้อร้องฟ้องกันอีกในประเด็นที่ได้วินิจฉัยโดยอาศัยเหตุอย่างเดียวกัน เป็นฟ้องซ้ำต้องห้ามตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 148 ที่ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้องของโจทก์ทั้งสี่มานั้นชอบแล้วอุทธรณ์ของโจทก์ทั้งสี่ฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน ค่าฤชาธรรมเนียมชั้นนี้ให้เป็นพับ

Share