แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา
ย่อสั้น
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218 การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งในฎีกาจำเลยว่า พิเคราะห์แล้ว เห็นควรให้ศาลฎีกาวินิจฉัย จึงรับรองให้ฎีกาได้ รับฎีกาจำเลย สำเนาให้โจทก์แก้ คำสั่งดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกา จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามมาตรา 221
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83,362, 365 ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 362, 365(3) จำคุกจำเลย 1 ปี จำเลยอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน จำเลยฎีกา โดยผู้พิพากษาซึ่งลงชื่อในคำพิพากษาในศาลชั้นต้นรับรองให้ฎีกาได้
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “คดีนี้ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้ลงโทษจำคุกจำเลยมีกำหนด 1 ปี จึงต้องห้ามฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 218การที่ผู้พิพากษาศาลชั้นต้นมีคำสั่งในฎีกาจำเลยว่า พิเคราะห์แล้วเห็นควรให้ศาลฎีกาวินิจฉัย จึงรับรองให้ฎีกาได้ รับฎีกาจำเลยสำเนาให้โจทก์แก้ คำสั่งดังกล่าวไม่มีข้อความใดที่แสดงว่าข้อความที่ตัดสินนั้นเป็นปัญหาสำคัญอันควรสู่ศาลสูงสุด และอนุญาตให้ฎีกา จึงถือไม่ได้ว่าเป็นการอนุญาตให้ฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 221 และศาลฎีกาได้ตรวจฎีกาของจำเลยแล้ว ปรากฏว่าเป็นฎีกาในปัญหาข้อเท็จจริงทั้งสิ้นศาลชั้นต้นสั่งรับฎีกาของจำเลยจึงไม่ชอบ ศาลฎีกาไม่รับวินิจฉัย”
พิพากษายกฎีกาจำเลย