คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2943/2535

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

ข้ออ้างของจำเลยในเรื่องทนายความของจำเลยติดว่าความที่ศาลอื่นเป็นข้ออ้างที่ไม่ควรรับฟังให้เลื่อนคดีเพราะจำเลยทราบกำหนดนัดพิจารณาของศาลล่วงหน้าก่อนแล้ว ทั้งปรากฏว่าในวันสืบพยานจำเลยนัดก่อนซึ่งจำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าจำเลยที่ 3 ป่วย ศาลได้กำชับว่าในนัดหน้าให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมและสืบให้เสร็จในนัดเดียวจะไม่ให้เลื่อนคดีอีก ที่จำเลยแถลงไม่ติดใจนำสืบจำเลยทั้งหมดยกเว้นจำเลยที่ 1 และพยานประเด็นอื่น ก็ไม่ใช่เหตุผลอันควรให้จำเลยขอเลื่อนคดีได้เช่นกัน นอกจากนี้ประเด็นในเรื่องการคิดคำนวณดอกเบี้ย จำเลยก็มิได้กล่าวแก้ไว้ให้ชัดเจน ที่ศาลล่างทั้งสองพิเคราะห์เห็นความไม่สุจริตในการดำเนินคดีของจำเลยที่มีลักษณะประวิงคดีให้ล่าช้ามากกว่าเหตุอื่นจึงไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีนั้น ชอบแล้ว.

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องมาจากโจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยทั้งหกร่วมกันรับผิดชำระหนี้ตามสัญญาเบิกเงินเกินบัญชี สัญญาค้ำประกัน และสัญญาจำนองโดยให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 6 ร่วมกันชำระเงินจำนวน 5,974,685.08 บาท จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1ชำระเงินจำนวน 1,530,508.74 บาท พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ15 ต่อปี ในต้นเงินจำนวน 5,816,911.33 บาท และ 1,498,486.30 บาทตามลำดับ นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไป จนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์หากจำเลยทั้งหกไม่ชำระ ขอให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 6 และทรัพย์สินอื่นของจำเลยทั้งหกออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์
จำเลยทั้งหกให้การปฏิเสธว่า จำเลยทั้งหกไม่ต้องรับผิดตามฟ้องขอให้ยกฟ้อง
ระหว่างพิจารณาสืบพยานจำเลย ทนายจำเลยทั้งหกยื่นคำร้องขอเลื่อนคดี ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่อนุญาตและให้ถือว่าจำเลยไม่มีพยานมาสืบ
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 6ร่วมกันชำระเงินจำนวน 5,974,685.08 บาท แก่โจทก์ และให้จำเลยที่ 2ร่วมกับจำเลยที่ 1 ชำระเงินจำนวน 1,530,508.74 บาท แก่โจทก์ด้วยทั้งนี้ พร้อมด้วยดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี ในต้นเงิน5,816,911.33 บาท และ 1,498,486.30 บาท ตามลำดับ นับถัดจากวันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จ หากจำเลยทั้งหกไม่ชำระให้ยึดทรัพย์จำนองของจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 3 ถึงที่ 6 ออกขายทอดตลาดนำเงินมาชำระหนี้โจทก์จนครบถ้วน
จำเลยทั้งหกอุทธรณ์คำสั่งที่ไม่อนุญาตให้เลื่อนคดี
ศาลอุทธรณ์ภาค 1 พิพากษายืน
จำเลยทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “…ข้ออ้างของจำเลยในเรื่องทนายความของจำเลยติดว่าความที่ศาลจังหวัดลำปาง เป็นข้ออ้างที่ไม่ควรรับฟังให้เลื่อนคดีเพราะจำเลยทราบกำหนดนัดพิจารณาของศาลชั้นต้นล่วงหน้าก่อนแล้ว ทั้งปรากฏว่าในวันสืบพยานจำเลยนัดก่อนซึ่งจำเลยขอเลื่อนคดีโดยอ้างว่าจำเลยที่ 3 ป่วยศาลชั้นต้นได้กำชับว่า ในนัดหน้าให้จำเลยเตรียมพยานมาให้พร้อมและสืบให้เสร็จในนัดเดียว จะไม่ให้เลื่อนคดีอีกดังนั้น หากเป็นจริงดังที่จำเลยอ้าง ทางแก้ของจำเลยในการที่จะหาทนายความคนอื่นให้มาช่วยดำเนินคดีแทนทนายความคนเดิมก็น่าจะทำได้แต่จำเลยก็หาได้ทำไม่ ส่วนในเรื่องที่จำเลยแถลงไม่ติดใจนำสืบจำเลยอื่นทั้งหมด ยกเว้นจำเลยที่ 1 และพยานประเด็นอื่น ก็ไม่ใช่เหตุผลอันควรให้จำเลยขอเลื่อนคดีได้เช่นกัน เพราะจำเลยยังมีพยานประเด็นอื่น ซึ่งไม่ปรากฏชัดว่ามีจำนวนมากน้อยเพียงไร จะต้องขอให้ส่งประเด็นไปล่าช้าเพียงไรหรือไม่ ทั้งประเด็นในเรื่องการคิดคำนวณดอกเบี้ย จำเลยมิได้กล่าวแก้ไว้ให้ชัดเจนว่าโจทก์คิดคำนวณดอกเบี้ยไม่ชอบอย่างไร เพียงแต่จำเลยมีความสงสัยว่าโจทก์จะคำนวณไม่ถูกต้องเท่านั้น ที่ศาลล่างทั้งสองพิเคราะห์เห็นความไม่สุจริตในการดำเนินคดีของจำเลยที่มีลักษณะประวิงคดีให้ล่าช้ามากกว่าเหตุอื่นจึงไม่อนุญาตให้จำเลยเลื่อนคดีนั้น ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยทั้งหกฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน.

Share