คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2940/2532

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

พนักงานเดินหมายนำหมายเรียกและหมายนัดไปส่งแก่จำเลยที่บ้านตามทะเบียนบ้านอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย แต่ไม่พบจำเลยและไม่มีผู้ยอมรับหมายแทน จึงปิดหมายไว้ที่บ้านดังกล่าวเป็นการปิดหมายโดยชอบด้วยกฎหมาย ถือว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและหมายนัดดังกล่าวแล้ว ดังนี้ การขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาของจำเลยจึงเป็นไปโดยจงใจ

ย่อยาว

คดีสืบเนื่องจากศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยซึ่งขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาชำระเงินจำนวน 1,522,390 บาท20 สตางค์ พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละเจ็ดครึ่งต่อปีแก่โจทก์และได้ส่งคำบังคับให้จำเลยแล้ว
จำเลยยื่นคำร้องขอให้พิจารณาใหม่ โจทก์คัดค้าน
ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องของจำเลย
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้วมีปัญหาพิจารณาตามฎีกาของจำเลยว่า จำเลยจงใจขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณาหรือไม่เห็นว่าในการส่งหมายเรียกและหมายนัดของศาลให้แก่จำเลยนั้นโจทก์มีนายสนิท การูจี พนักงานเดินหมายของกรมบังคับคดีมาเบิกความเป็นพยานว่า ได้ส่งให้แก่จำเลยที่บ้านเลขที่ 53/1 หมู่ที่ 2แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร ตามทะเบียนบ้านอันเป็นภูมิลำเนาของจำเลย ไม่พบจำเลย พบแต่ชายคนหนึ่งอายุประมาณ30 ปี แจ้งว่าจำเลยไม่อยู่ ไปธุระไม่ทราบว่าจะกลับเมื่อใดและไม่ยอมรับหมายแทน นายสนิทจึงปิดหมายไว้ ณ บ้านเลขที่ดังกล่าวทั้งสองคราว ทั้งจำเลยก็เบิกความยอมรับว่า จำเลยและภริยามักจะเดินทางไปต่างจังหวัดที่บ้านจำเลยมีเด็กรับใช้ 2 คนเป็นชายคนหนึ่งและหญิงคนหนึ่ง ผู้ชายอายุประมาณ 25 ปี อยู่บ้านเป็นประจำ เจือสมกับคำของนายสนิทพยานโจทก์ ดังนี้ ศาลฎีกาเห็นว่าคำพยานโจทก์มีน้ำหนักยิ่งกว่าพยานจำเลย ข้อเท็จจริงเชื่อได้ว่าได้มีการปิดหมายเรียกและสำเนาคำฟ้องกับหมายนัดไว้ที่ภูมิลำเนาของจำเลยโดยชอบด้วยกฎหมายแล้ว จึงต้องถือว่าจำเลยได้รับหมายเรียกและหมายนัดดังกล่าวแล้ว แต่จงใจไม่ยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา”
พิพากษายืน

Share