แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
โจทก์ฟ้องขอให้บังคับจำเลยปฏิบัติตามสัญญาจะขายที่นาขณะที่ฟ้องคดีนาไม่ได้อยู่ในกรรมสิทธิ์ของจำเลย โดยได้ตกไปเป็นของผู้รับซื้อฝากเสียแล้ว เมื่อจำเลยยังมิได้ไถ่ถอนกลับคืนมาก็ไม่มีทางที่จะบังคับให้จำเลย ทำการโอนขายให้โจทก์ได้ เพราะสภาพแห่งหนี้ไม่เปิดช่องให้ศาลพิพากษาบังคับได้
คดีผิดสัญญาจะซื้อขายที่นาอาจมีทางที่โจทก์จะเรียกร้องได้ในทางอื่น เช่น ใช้สิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายหรือใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยทำการไถ่ถอนการขายฝากจากผู้รับซื้อฝากแทนที่จำเลย ดังที่บัญญัติไว้ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 233,234 แต่โจทก์หาได้ดำเนินการดังกล่าวไม่ โจทก์ฟ้องโดยเฉพาะเจาะจงขอให้ศาลบังคับจำเลยโอนขายที่นาให้โจทก์แต่ประการเดียว เมื่อศาลบังคับให้โดยตรงเช่นนั้นไม่ได้ ต้องยกฟ้อง
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองเป็นสามีภริยากัน ได้ทำสัญญาจะขายที่นามีโฉนดให้แก่โจทก์เป็นเงิน 3,600 บาทจำเลยได้รับเงินล่วงหน้า 600 บาท แล้วสัญญาว่าจะไปโอนกรรมสิทธิ์ใน พ.ศ. 2488 ในขณะทำสัญญา โฉนดที่รายนี้ จำเลยนำไปขายฝากนายวิเชียรที่กรุงเทพฯ ครบกำหนดสัญญาแล้ว โจทก์ไปขอชำระเงินที่ค้างแก่จำเลย และขอให้จำเลยไปทำสัญญาซื้อขายจำเลยขอผัดและไม่ยอมขายตามที่ตกลง จึงขอให้บังคับจำเลยรับเงิน 3,000 บาทและสั่งลงชื่อโจทก์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ต่อไป จำเลยทั้งสองให้การว่าจำเลยทั้งสองเคยทำสัญญาขายที่นาให้โจทก์และรับเงินไว้ตามฟ้อง ต่อมาจำเลยทวงถามขอรับเงินจากโจทก์ โดยบอกว่าที่นาจะขาดกรรมสิทธิ์ตกเป็นของนายวิเชียรผู้รับซื้อฝาก โจทก์ไม่ให้เงินแก่จำเลย จำเลยจึงไม่ขายนาให้โจทก์ที่นารายนี้จำเลยขายฝากไว้กับนายวิเชียรเมื่อ พ.ศ. 2476 ต่อมาเมื่อเวลาพ้น 10 ปีแล้ว ได้ขาดเป็นกรรมสิทธิ์ของนายวิเชียรสัญญาที่โจทก์นำมาฟ้องใช้ไม่ได้ เพราะมีข้อความจะโอนขายในพ.ศ. 2488 แต่ใน พ.ศ. 2488 ที่นาได้ขาดเป็นกรรมสิทธิ์ของนายวิเชียรแล้ว โจทก์ไม่มีอำนาจบังคับได้ตามสัญญาที่นารายนี้นางลำใยจำเลยผู้เดียวได้ซื้อกรรมสิทธิ์ไว้จากนายวิเชียรเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2488 ซึ่งเป็นเวลาภายหลังจากวันที่จำเลยทำสัญญาให้โจทก์เมื่อซื้อแล้วได้ขายฝากนางเช้าไว้ตลอดมาจนบัดนี้
ก่อนสืบพยานโจทก์ส่งสัญญาจะซื้อขายที่ดินตามที่โจทก์กล่าวฟ้องต่อศาล จำเลยดูแล้วรับว่า ได้ทำสัญญาขายที่ดินตามสัญญาจริงจำเลยส่งโฉนดต่อศาล โจทก์แถลงรับว่า ได้มีการแก้ทะเบียนหลังโฉนดตามรายละเอียดในโฉนดที่จำเลยนำส่งต่อศาลจริง โจทก์ จำเลยไม่ติดใจสืบพยาน ศาลชั้นต้นได้เรียกนางเช้ามาสอบถาม โจทก์ จำเลยและนางเช้ารับว่าสัญญาขายฝากระหว่างนางลำใยจำเลย กับนางเช้าไม่มีกำหนดไถ่ถอน นางเช้าได้ส่งหนังสือสัญญาขายฝากต่อศาลศาลชั้นต้นเห็นว่า สัญญาจะซื้อขายระหว่างโจทก์จำเลย ย่อมชอบด้วยกฎหมาย และบังคับให้เป็นไปตามข้อตกลงในสัญญาได้ พิพากษาให้จำเลยไถ่ถอนการขายฝากจากนางเช้า มาทำการโอนขายให้แก่โจทก์ตามสัญญาถ้าจำเลยไม่ยอมไถ่ และโอนขายตามคำพิพากษา ก็ให้โจทก์นำเงินที่จะต้องชำระในการซื้อขายไถ่ถอนการขายฝากจากนางเช้า โดยให้ถือเอาคำพิพากษาแทนการบังคับจำเลยโอนที่ดินรายนี้ให้แก่โจทก์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า สภาพแห่งหนี้ในคดีนี้ ไม่เปิดช่องให้ศาลพิพากษาบังคับได้เช่นนั้น เพราะเวลานี้นาไม่ได้อยู่ในกรรมสิทธิ์ของจำเลย ได้ตกไปเป็นของนางเช้าผู้รับซื้อฝากแล้ว
เมื่อจำเลยยังมิได้ไถ่ถอนคืนมา ก็ไม่มีทางบังคับให้จำเลยทำการโอนขายให้โจทก์ได้ เพราะนางเช้าอาจมีข้อโต้แย้งสิทธิไถ่ถอนของจำเลยอยู่ก็ได้ เมื่อนางเช้าไม่ได้เข้ามาในคดี ศาลจะบังคับเกี่ยวถึงสิทธิของนางเช้าซึ่งเป็นคนนอกคดีด้วยไม่ได้ และเห็นว่า การทำผิดสัญญาจะซื้อขายที่นาในคดีนี้ อาจมีทางที่โจทก์จะเรียกร้องได้ในทางอื่น เช่น ใช้สิทธิเรียกร้องค่าเสียหาย หรือใช้สิทธิเรียกร้องของจำเลยทำการไถ่ถอนการขายฝากจากนางเช้าแทนที่จำเลยดังบัญญัติไว้ใน ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 233, 234 แต่โจทก์หาได้ดำเนินการดังกล่าวไม่ โจทก์ฟ้องโดยเฉพาะเจาะจงขอให้ศาลบังคับจำเลยโอนขายที่นาให้โจทก์แต่ประการเดียวเมื่อศาลบังคับให้โดยตรงเช่นนั้นไม่ได้ ศาลต้องยกฟ้อง
พิพากษากลับ ให้ยกฟ้อง