คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2936/2543

แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ

ย่อสั้น

สิบตำรวจตรี ว. ได้เจรจาตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยที่ 2 ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุและนัดสถานที่ส่งมอบในวันรุ่งขึ้น ต่อมาสิบตำรวจตรี ว. กับสายลับได้มาพบจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ยังทำหน้าที่ประสานงานติดต่อโดยขับรถพาไปพบจำเลยที่ 1 และ ช. เพื่อจะไปเอาของกลาง โดยให้ ช. พาสิบตำรวจตรี ว. กับสายลับไปที่ทาวน์เฮาส์แห่งหนึ่ง จากนั้นจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์นำของกลางมามอบให้สิบตำรวจตรี ว. เจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าจับกุมได้เมทแอมเฟตามีนของกลางส่วนหนึ่ง และติดตามจับจำเลยที่ 2 ได้โดยพบเมทแอมเฟตามีนจากกระเป๋าสะพายของจำเลยที่ 2 อีกจำนวนหนึ่ง ตามพฤติการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า จำเลยที่ 2มิใช่เป็นเพียงคนกลางติดต่อซื้อขายเมทแอมเฟตามีนเท่านั้น แต่ยังร่วมกับจำเลยที่ 1 และ ช. จัดหาเมทแอมเฟตามีนจำนวนที่ตกลงกันไว้ โดยมีการแบ่งหน้าที่กันทำ แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อยู่ด้วยในขณะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนก็ตาม การกระทำของจำเลยที่ 2 ย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองกับพวกอีก 1 คน ซึ่งหลบหนีร่วมกันมีเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายแล้วจำเลยทั้งสองกับพวกได้ร่วมกันจำหน่าย ขายเมทแอมเฟตามีนจำนวนดังกล่าวและจำเลยที่ 2 ได้มีไว้ในครอบครองซึ่งเมทแอมเฟตามีนอันเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 1 โดยไม่ได้รับอนุญาต เหตุเกิดที่แขวงแสมดำ เขตบางขุนเทียน กรุงเทพมหานคร เจ้าพนักงานจับจำเลยทั้งสองได้พร้อมด้วยเมทแอมเฟตามีนจำนวน 406 เม็ด และเมทแอมเฟตามีนที่จำเลยที่ 2 มีไว้ในครอบครองจำนวน 7 เม็ด กับยึดรถจักรยานยนต์หมายเลขทะเบียน ฉะเชิงเทรา ง – 4347 จำนวน 1 คัน วิทยุติดตามตัวหมายเลข 1144-953450 จำนวน 1 เครื่อง ซึ่งเป็นเครื่องมือ เครื่องใช้ยานพาหนะและสื่อสารที่จำเลยทั้งสองใช้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติดหรือใช้เป็นอุปกรณ์ให้ได้รับผลในการกระทำผิดในการซื้อขายและนำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้แก่ผู้ซื้อเป็นของกลางขอให้ลงโทษตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 4, 7, 8, 15, 66, 67, 102 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 91 ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางและริบรถจักรยานยนต์ และวิทยุติดตามตัวของกลางดังกล่าวให้ตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30, 31

จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ ส่วนจำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพข้อหามีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต แต่ปฏิเสธข้อหาอื่น

ศาลชั้นต้นพิพากษาว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 66 วรรคหนึ่งประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 เป็นกรรมเดียวผิดต่อกฎหมายหลายบทแต่ละบทมีระวางโทษเท่ากัน ให้ลงโทษฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนจำคุกคนละ 15 ปี จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพ จำเลยที่ 2 รับสารภาพชั้นจับกุม เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา อันเป็นเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 สำหรับจำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 7 ปี 6 เดือน สำหรับจำเลยที่ 2 หนึ่งในสี่ คงจำคุก 11 ปี 3 เดือน และจำเลยที่ 2 มีความผิดตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 มาตรา 15 วรรคหนึ่ง, 67 จำคุก 1 ปี จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณา อันเป็นเหตุบรรเทาโทษลดโทษให้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 6 เดือน ให้เรียงกระทงลงโทษจำเลยที่ 2 ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91 รวมจำคุกไว้มีกำหนด 11 ปี 9 เดือน ริบเมทแอมเฟตามีนของกลางและให้ริบรถจักรยานยนต์และวิทยุติดตามตัวของกลางตกเป็นของกองทุนป้องกันและปราบปรามยาเสพติดตามพระราชบัญญัติมาตรการในการปราบปรามผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด พ.ศ. 2534 มาตรา 30, 31

จำเลยที่ 2 อุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน

จำเลยที่ 2 ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “พิเคราะห์แล้ว ข้อเท็จจริงในเบื้องต้นรับฟังได้ว่า ตามวันเวลาเกิดเหตุ เจ้าพนักงานตำรวจได้จับกุมจำเลยที่ 1 พร้อมยึดเมทแอมเฟตามีนจำนวน 406 เม็ด ได้ที่ทาวน์เฮาส์ที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นจึงติดตามจับกุมจำเลยที่ 2ได้ที่ซอยโตอิชิ ค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 7 เม็ด บรรจุอยู่ในหลอดกาแฟหลอดละ 1 เม็ด จากกระเป๋าสะพายของจำเลยที่ 2 เจ้าพนักงานตำรวจได้ยึดรถจักรยานยนต์และวิทยุติดตามตัวอีก 1 เครื่อง ซึ่งเป็นยานพาหนะและอุปกรณ์ในการกระทำความผิดไว้เป็นของกลาง จำเลยที่ 1 ให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 406 เม็ด ไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนดังกล่าว จำเลยที่ 2 ให้การรับสารภาพว่ามีเมทแอมเฟตามีนจำนวน 7 เม็ด ไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ข้อหาอื่นให้การปฏิเสธมีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยที่ 2 ว่า จำเลยที่ 2 ได้ร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาตตามฟ้องหรือไม่ โจทก์มีสิบตำรวจตรีวิทนุ ใจชอบ และพันตำรวจโทประณัฐ แสไพศาล เป็นพยานเบิกความว่า วันที่ 28 มิถุนายน 2541สิบตำรวจตรีวิทนุกับสายลับได้ไปพบกับจำเลยที่ 2 ที่ซอยโตอิชิสิบตำรวจตรีวิทนุได้เจรจาตกลงขอซื้อเมทแอมเฟตามีนจากจำเลยที่ 2 จำนวน 4 ถุง ถุงละ 200เม็ด ราคาถุงละ 11,000 บาท โดยนัดหมายจะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนในวันรุ่งขึ้นเวลาเที่ยง ครั้นวันที่ 29 มิถุนายน 2541 สิบตำรวจตรีวิทนุกับพันตำรวจโทประณัฐกับพวกจึงวางแผนจับกุม แล้วสิบตำรวจตรีวิทนุกับสายลับไปพบกับจำเลยที่ 2ตามเวลานัดหมายในซอยโตอิชิ จำเลยที่ 2 ให้สิบตำรวจตรีวิทนุกับสายลับนั่งรออยู่ที่ร้านขายของชำแห่งหนึ่ง จากนั้นจำเลยที่ 2 ขับรถจักรยานยนต์ออกไปทางปากซอยนานประมาณครึ่งชั่วโมงได้กลับมาแจ้งแก่สิบตำรวจตรีวิทนุว่ามีของแล้วให้ติดตามจำเลยที่ 2 ไป สิบตำรวจตรีวิทนุกับสายลับจึงขับรถจักรยานยนต์ตามจำเลยที่ 2 เข้าไปในซอยทองปาน 1 เมื่อไปถึงบริเวณใกล้บ้านไม้หลังหนึ่ง จำเลยที่ 2 ให้สิบตำรวจตรีวิทนุรออยู่ที่รถก่อน แล้วจำเลยที่ 2 เข้าในบ้านหลังนั้นนานประมาณ 20 นาที จึงออกมาพร้อมกับจำเลยที่ 1 และนายชาติ จำเลยที่ 2 บอกแก่สิบตำรวจตรีวิทนุว่าให้นายชาตินั่งรถไปกับสิบตำรวจตรีวิทนุเพื่อไปเอาของ นายชาติได้นำสิบตำรวจตรีวิทนุกับสายลับขับรถไปที่ทาวน์เฮาส์ในซอยสุดจิตรนิเวศน์ นายชาตินำสิบตำรวจตรีวิทนุกับสายลับขึ้นไปห้องทำงานชั้นสอง นายชาติขอดูเงินจากสิบตำรวจตรีวิทนุ จากนั้นนายชาติจึงโทรศัพท์โดยสิบตำรวจตรีวิทนุได้ยินว่าเงินพร้อมแล้วให้ส่งของ สิบตำรวจตรีวิทนุอ้างกับนายชาติว่าปวดศีรษะขอออกไปซื้อยาแล้วไปพบพันตำรวจโทประณัฐกับพวกที่ลานจอดรถห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี จากนั้นสิบตำรวจตรีวิทนุจึงขับรถยนต์เข้ามาในซอยระหว่างทางพบจำเลยที่ 1 ขับขี่รถจักรยานยนต์มาตามและบอกให้สิบตำรวจตรีวิทนุไปรับเมทแอมเฟตามีนที่ทาวน์เฮาส์ได้ สิบตำรวจตรีวิทนุสายลับจำเลยที่ 1 และนายชาติจึงขึ้นไปบนห้องนอนชั้นสาม จำเลยที่ 1 นำถุงสีดำจำนวน 4 ถุง ออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่สวมอยู่วางที่พื้น สิบตำรวจตรีวิทนุตรวจดูถุงดำ 1 ถุงพบว่าเป็นเมทแอมเฟตามีนมีประมาณ 200 เม็ด จริงและนายชาติได้ขอเงินจากสิบตำรวจตรีวิทนุ สิบตำรวจตรีวิทนุจึงรายงานทางวิทยุสื่อสารที่ติดตัวมาต่อพันตำรวจโทประณัฐเพื่อให้เข้าทำการจับกุม หลังจากนั้นสิบตำรวจตรีวิทนุได้จับตัวนายชาติ แต่นายชาติขัดขืนยื้อแย่งถุงดังกล่าว จำเลยที่ 1 เข้ามากอดเอวสิบตำรวจตรีวิทนุ สิบตำรวจตรีวิทนุใส่กุญแจมือจำเลยที่ 1 ไว้ ส่วนนายชาติวิ่งหลบหนีไป ต่อมาพันตำรวจโทประณัฐกับพวกติดตามขึ้นมาที่ชั้นสามของทาวน์เฮาส์แล้วเก็บรวบรวมเมทแอมเฟตามีนที่ตกกระจัดกระจายอยู่ที่พื้นห้องนับรวมได้จำนวน 406 เม็ด ไว้เป็นของกลางและออกติดตามจับกุมจำเลยที่ 2 ได้ที่ซอยโตอิชิ ตรวจค้นพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน7 เม็ดบรรจุอยู่ในหลอดกาแฟหลอดละ 1 เม็ด จากกระเป๋าสะพายของจำเลยที่ 2จึงยึดไว้เป็นของกลาง เห็นว่า คดีนี้สิบตำรวจตรีวิทนุได้มีการเจรจาตกลงซื้อขายเมทแอมเฟตามีนของกลางจากจำเลยที่ 2 ล่วงหน้าก่อนเกิดเหตุ 1 วัน โดยกำหนดจำนวนและราคาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนัดสถานที่ส่งมอบในวันรุ่งขึ้นครั้นวันเกิดเหตุสิบตำรวจตรีวิทนุกับสายลับได้มาพบจำเลยที่ 2 จำเลยที่ 2 ยังทำหน้าที่ประสานงานติดต่อโดยขับรถจักรยานยนต์พาไปที่บ้านไม้หลังหนึ่งในซอยทองปาน 1 เพื่อพบกับจำเลยที่ 1 และนายชาติเพื่อจะไปเอาของกลางโดยให้นายชาติพาสิบตำรวจตรีวิทนุกับสายลับไปที่ทาวน์เฮาส์ในซอยสุดจิตรนิเวศน์จากนั้นจำเลยที่ 1 ขับรถจักรยานยนต์นำของกลางมามอบให้สิบตำรวจตรีวิทนุเจ้าพนักงานตำรวจจึงเข้าจับกุมได้เมทแอมเฟตามีนของกลางส่วนหนึ่ง ส่วนนายชาติหลบหนีไป สิบตำรวจตรีวิทนุติดตามจับจำเลยที่ 2 ได้ที่ซอยโตอิชิพบเมทแอมเฟตามีนจำนวน 7 เม็ด จากกระเป๋าสะพายของจำเลยที่ 2 อีกตามพฤติการณ์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยที่ 2 มิใช่เพียงแต่เป็นคนกลางติดต่อซื้อขายเมทแอมเฟตามีนให้แก่สิบตำรวจตรีวิทนุเท่านั้นแต่ยังร่วมกับจำเลยที่ 1 และนายชาติจัดหาเมทแอมเฟตามีนจำนวนที่ตกลงกันไว้โดยวางแผนเป็นขั้นตอนเพื่อหลบเลี่ยงการจับกุมของเจ้าพนักงานตำรวจ เชื่อว่าจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 2 แบ่งหน้าที่กันทำโดยจำเลยที่ 1 ได้นำเมทแอมเฟตามีนจำนวน 4 ถุงมาเตรียมพร้อมไว้แล้วที่บ้านไม้หลังหนึ่งในซอยทองปาน 1 แต่ให้นายชาติพาสิบตำรวจตรีวิทนุไปรับมอบเมทแอมเฟตามีนของกลางที่ทาวน์เฮาส์ในซอยที่เกิดเหตุต่อจากนั้นเป็นหน้าที่ของจำเลยที่ 1 นำเมทแอมเฟตามีนไปส่งมอบให้แก่สิบตำรวจตรีวิทนุเพื่อให้สำเร็จลุล่วงตามเจตนา จนกระทั่งถูกสิบตำรวจตรีวิทนุกับพวกจับกุม แม้จำเลยที่ 2 จะมิได้อยู่ด้วยในขณะส่งมอบเมทแอมเฟตามีนก็ตาม การกระทำดังกล่าวย่อมถือได้ว่าจำเลยที่ 2 เป็นตัวการร่วมกับจำเลยที่ 1 มีเมทแอมเฟตามีนของกลางไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่ายและจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนของกลางโดยไม่ได้รับอนุญาตพยานจำเลยที่ 2 ไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ ที่ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า จำเลยที่ 2 ร่วมกับจำเลยที่ 1 กระทำความผิดฐานดังกล่าว แล้วพิพากษาลงโทษจำเลยที่ 2 ฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนมานั้น ศาลฎีกาเห็นพ้องด้วย ฎีกาของจำเลยที่ 2 ข้อนี้ฟังไม่ขึ้น”

พิพากษาแก้เป็นว่า เฉพาะความผิดฐานจำหน่ายเมทแอมเฟตามีนโดยไม่ได้รับอนุญาต ลงโทษจำคุกจำเลยทั้งสองคนละ 10 ปี ลดโทษให้จำเลยที่ 1 กึ่งหนึ่ง และลดโทษให้จำเลยที่ 2 หนึ่งในสี่ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุกจำเลยที่ 1 มีกำหนด 5 ปี จำคุกจำเลยที่ 2 มีกำหนด 7 ปี 6 เดือนรวมโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ในความผิดฐานมีเมทแอมเฟตามีนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาตอีก 6 เดือน เป็นโทษจำคุกจำเลยที่ 2 ทั้งสิ้น 7 ปี 12 เดือนนอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์

Share