แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้วจำเลยไม่ปฏิบัติ โจทก์ย่อมขอบังคับคดียึดทรัพย์ของจำเลยเพื่อขายทอดตลาดเอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 271 จำเลยจะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลมาเป็นเหตุ ให้งดการบังคับคดี เพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลหาได้ไม่
ย่อยาว
เดิมศาลพิพากษาให้จำเลยที่ ๑ ใช้เงินต้นและดอกเบี้ย ถ้าจำเลยที่ ๑ ไม่ชำระก็ให้จำเลยที่ ๒ ไถ่ถอนจำนองเต็มตามจำนวนหนี้ที่จำเลยที่ ๑ ต้องชำระ จำเลยทั้งสองไม่ชำระหนี้ โจทก์จึงขอหมายบังคับคดียึดที่ดินโฉนดที่ ๙๕๔๑ ของจำเลยที่ ๒ เพื่อขายทอดตลาดชำระหนี้
จำเลยที่ ๒ ยื่นคำร้องว่า บัดนี้จำเลยที่ ๑ ขอประนอมหนี้กับโจทก์ ขอผ่อนชำระให้เดือน ละ ๓,๐๐๐ บาท ฯลฯ โจทก์ผ่อนเวลาให้จำเลยที่ ๑ โดยจำเลยที่ ๒ ไม่ตกลงด้วย จำเลยที่ ๒ ในฐานะผู้จำนองเป็นประกันย่อมหลุดพ้น ขอให้ศาลสั่งถอนการยึด
ศาลชั้นต้นให้ยกคำร้อง
จำเลยที่ ๒ อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษาแก้ ให้รับคำร้องของจำเลยที่ ๒ ในข้อที่อ้างว่า โจทก์ได้ตกลงรับชำระหนี้จากจำเลยที่ ๑ ไว้บ้างแล้ว จึงต้องถอนการยึดทรัพย์จำเลยที่ ๒ เสีย ไว้เพื่อพิจารณาต่อไป
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาเห็นว่า เมื่อศาลมีคำพิพากษาและออกคำบังคับแล้ว จำเลยไม่ปฏิบัติโจทก์ย่อมดำเนินการขอบังคับคดียึดทรัพย์สินของจำเลยเพื่อขายทอดตลาด เอาเงินชำระหนี้ตามคำพิพากษาได้ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา ๒๗๑ ที่จำเลยที่ ๒ อ้างว่าจำเลยที่ ๑ ได้ขอประนอมหนี้กับโจทก์ และได้ชำระหนี้ไปบ้างแล้วนั้น เป็นการตกลงกันนอกศาล ซึ่งจำเลยที่ ๑ และที่ ๒ จะยกเอาสัญญาที่ทำกันนอกศาลนั้นมาเป็นเหตุให้งดการบังคับคดีเพื่อจะไม่ต้องปฏิบัติตามคำบังคับของศาลในคดีนี้หาได้ไม่
ฉะนั้น ที่ศาลอุทธรณ์สั่งให้รับคำร้องของจำเลยที่ ๒ ไว้ทำการพิจารณาต่อไปนั้นศาลฎีกาจึงไม่เห็นพ้องด้วย
พิพากษาแก้ เป็นให้ยกคำร้องของจำเลยที่ ๒ เสีย