คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2924/2535

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

ศาลแรงงานกลางกำหนดประเด็นเรื่องค่าเสียหายโดยมิได้กำหนดประเด็นว่ามีเหตุควรให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือไม่ แต่หากศาลแรงงานกลางเห็นว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมศาลแรงงานกลางก็พิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานต่อไปได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 49 โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในหน้าที่และค่าจ้างเดิมโดยไม่ได้ขอให้นับอายุงานต่อเนื่อง แต่พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานฯ พ.ศ. 2522 มาตรา 49 กำหนดให้ศาลแรงงานมีอำนาจที่จะคุ้มครองป้องกันมิให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่เป็นธรรม โดยบัญญัติให้ศาลแรงงานอาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างเข้าทำงานต่อไปในอัตราค่าจ้างที่ได้รับขณะเลิกจ้าง ซึ่งย่อมหมายความว่าเป็นการสั่งให้รับลูกจ้างกลับเข้าทำงานต่อไปในฐานะเดิมก่อนถูกเลิกจ้างการที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้นับอายุงานของโจทก์ต่อเนื่องจากอายุงานเดิมก่อนถูกเลิกจ้าง โดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 49 แห่งบทกฎหมายดังกล่าว จึงชอบด้วยกฎหมายและไม่เป็นการพิพากษานอกคำฟ้อง

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างจำเลยเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม2534 จำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยกล่าวหาว่าโจทก์ลาผิดระเบียบแจ้งเท็จอันว่าด้วยการลาของจำเลย โจทก์ไม่ได้กระทำผิดดังกล่าว จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะโจทก์เป็นสมาชิกและกรรมการของสหภาพแรงงานผลิตผลไฟฉายไทยแห่งประเทศไทยและเลิกจ้างขณะข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างยังมีผลบังคับ เป็นการเลิกจ้างที่ไม่เป็นธรรม ขอให้บังคับจำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในหน้าที่และค่าจ้างเดิม ให้จำเลยจ่ายค่าเสียหายนับแต่วันเลิกจ้างถึงวันที่จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานพร้อมดอกเบี้ย
จำเลยให้การว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะในวันที่ 14 ธันวาคม2534 ซึ่งเป็นวันทำงานปกติโจทก์ได้หยุดงานไปงานบวชต่างจังหวัดแต่ต่อมาได้ยื่นใบลาป่วยซึ่งเป็นเจตนาทุจริตเพื่อรับค่าจ้างเป็นการกระทำผิดอาญาโดยเจตนาต่อนายจ้าง จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย ฝ่าฝืนข้อบังคับการทำงานหรือคำสั่งในกรณีร้ายแรงจำเลยมีสิทธิเลิกจ้างโดยไม่ต้องรับผิดตามฟ้อง โจทก์ก้าวร้าวต่อผู้บังคับบัญชา ไม่มีสมรรถภาพในการทำงาน ค่าเสียหายที่โจทก์ฟ้องเรียกสูงเกินไป ขอให้ยกฟ้อง
ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า โจทก์เป็นสมาชิกสหภาพแรงงานตามฟ้อง โจทก์ป่วยจริงและได้ปฏิบัติตามระเบียบข้อบังคับของจำเลยจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่มีเหตุและความผิด เป็นการเลิกจ้างโดยไม่เป็นธรรม พิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และค่าจ้างนับอายุงานต่อเนื่องเดิม คำขอนอกจากนี้ให้ยก
จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา
ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยข้อกฎหมายว่า แม้ศาลแรงงานกลางได้กำหนดประเด็นเรื่องค่าเสียหายไว้โดยไม่ได้กำหนดประเด็นว่ามีเหตุควรให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานหรือไม่ก็ตาม ถ้าศาลแรงงานกลางเห็นว่าจำเลยเลิกจ้างโจทก์โดยไม่เป็นธรรมศาลแรงงานกลางก็พิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานต่อไปได้ตามพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ.2522 มาตรา 49 และที่จำเลยอุทธรณ์ว่า โจทก์ฟ้องขอให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในหน้าที่และค่าจ้างเดิม ไม่ได้ขอให้นับอายุงานต่อเนื่อง การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้จำเลยรับโจทก์กลับเข้าทำงานในตำแหน่งหน้าที่และค่าจ้างนับอายุต่อเนื่องเดิมจึงเป็นการพิพากษาเกินไปกว่าหรือนอกจากที่ปรากฏในคำฟ้อง และศาลแรงงานกลางไม่ได้แสดงเหตุผลแห่งการวินิจฉัยเช่นนั้น ไม่ชอบด้วยพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49,51 และ 53 เห็นว่า พระราชบัญญัติจัดตั้งศาลแรงงานและวิธีพิจารณาคดีแรงงาน พ.ศ. 2522 มาตรา 49 กำหนดให้ศาลแรงงานมีอำนาจที่จะคุ้มครองป้องกันมิให้นายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างโดยไม่เป็นธรรม โดยบัญญัติให้ศาลแรงงานอาจสั่งให้นายจ้างรับลูกจ้างผู้นั้นเข้าทำงานต่อไปในอัตราค่าจ้างที่ได้รับขณะเลิกจ้าง ซึ่งย่อมหมายความว่าเป็นการสั่งให้รับลูกจ้างกลับเข้าทำงานต่อไปในฐานะเดิมก่อนถูกเลิกจ้างดังนั้น การที่ศาลแรงงานกลางพิพากษาให้นับอายุงานของโจทก์ต่อเนื่องจากอายุงานเดิมก่อนถูกเลิกจ้างโดยอาศัยอำนาจตามมาตรา 49 แห่งพระราชบัญญัติ ดังกล่าว จึงชอบด้วยกฎหมายและอุทธรณ์ข้อนี้ฟังไม่ขึ้นเช่นเดียวกัน
พิพากษายืน

Share