คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2924/2531

แหล่งที่มา : เนติบัณฑิตยสภา

ย่อสั้น

ในวันนัดสืบพยานโจทก์ ทนายจำเลยมอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายและฟังคำสั่งศาลแทน ศาลไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตัวเพราะจำเลยยังไม่ทราบเรื่อง ให้ทนายจำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวให้จำเลยทราบเสียก่อน และศาลได้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ใหม่โดยผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งศาลในรายงานกระบวนพิจารณา ถือได้ว่าทนายจำเลยทราบคำสั่งของศาลที่ไม่อนุญาตให้ถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลย และจำเลยได้ทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ตามที่ศาลนัดใหม่แล้ว เมื่อทนายจำเลยและจำเลยไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ที่เลื่อนมาดังกล่าวโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง การที่ศาลได้มีคำสั่งให้จำเลยขาดนัดพิจารณาและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาดจึงเป็นการชอบแล้ว จำเลยยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยเด็ดขาด และขอให้ไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่ซึ่งศาลดำเนินการไปโดยชอบแล้วศาลมีอำนาจที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยโดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องก่อน

ย่อยาว

คดีนี้สืบเนื่องจากโจทก์ฟ้องขอให้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งหกเด็ดขาดและพิพากษาให้เป็นบุคคลล้มละลาย เมื่อถึงวันนัดสืบพยานโจทก์ นายพิชัย มาลัยวงษ์ ทนายจำเลยทั้งหกมอบฉันทะให้เสมียนทนายยื่นคำร้องต่อศาลขอถอนตัวจากการเป็นทนายและฟังคำสั่งศาลแทน ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งหกยังไม่ทราบเรื่องที่ทนายขอถอนตัว จึงยังไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตัวและถือว่านายพิชัยยังเป็นทนายจำเลยทั้งหกอยู่ ให้ทนายจำเลยทั้งหกนำส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายให้จำเลยทั้งหกทราบเสียก่อนศาลจึงจะสั่งคำร้องขอถอนตัวดังกล่าว และจะไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยทั้งหกถอนตัวจนกว่าจำเลยทั้งหกจะทราบเรื่องการขอถอนตัวแล้ว ให้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ใหม่โดยผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยทั้งหกได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นในรายงานกระบวนพิจารณาต่อมาเมื่อถึงวันเวลานัดสืบพยานโจทก์ที่เลื่อนมา คงมาศาลแต่ฝ่ายโจทก์ ส่วนฝ่ายจำเลยไม่มีผู้ใดมาศาล ศาลชั้นต้นจึงมีคำสั่งว่าจำเลยทั้งหกขาดนัดพิจารณา และให้สืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาดจำเลยทั้งหกไปในวันเดียวกัน
จำเลยทั้งหกโดยนายวิจิตร อร่ามกุล ทนายความได้ยื่นคำร้องต่อศาลชั้นต้นขอให้มีคำสั่งเพิกถอนกระบวนพิจารณาสืบพยานโจทก์และคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งหกเด็ดขาดฉบับหนึ่งและขอให้ไต่สวนคำร้องขอพิจารณาคดีใหม่เพื่อมีคำสั่งให้พิจารณาคดีใหม่ต่อไปอีกฉบับหนึ่ง ศาลชั้นต้นมีคำสั่งยกคำร้องทั้งสองฉบับดังกล่าวของจำเลยทั้งหก จำเลยทั้งหกอุทธรณ์คำสั่ง ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนจำเลยทั้งหกฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “ที่จำเลยฎีกาว่าจำเลยทั้งหกไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 12 ตุลาคม 2527 เพราะนายพิชัยทนายจำเลยไม่แจ้งให้ทราบ จึงถือไม่ได้ว่าจำเลยทั้งหกขาดนัดพิจารณา การที่ศาลชั้นต้นสั่งให้ดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งหกเด็ดขาดเป็นการไม่ชอบนั้นได้ความว่าในนัดสืบพยานโจทก์วันที่ 5 กันยายน 2527 นายพิชัยทนายจำเลยได้มอบฉันทะให้เสมียนทนายมายื่นคำร้องขอถอนตัวจากการเป็นทนายและฟังคำสั่งศาลแทน ศาลชั้นต้นไม่อนุญาตให้ทนายจำเลยถอนตัวเพราะจำเลยทั้งหกไม่ทราบเรื่อง ให้ทนายจำเลยนำส่งสำเนาคำร้องขอถอนตัวให้จำเลยทราบเสียก่อน และศาลชั้นต้นได้เลื่อนไปสืบพยานโจทก์ในวันที่ 12 ตุลาคม 2527 เวลา 13.30 นาฬิกาผู้รับมอบฉันทะจากทนายจำเลยก็ได้ลงลายมือชื่อรับทราบคำสั่งศาลในรายงานกระบวนพิจารณาในวันนั้น จึงถือได้ว่าทนายจำเลยได้ทราบคำสั่งของศาลชั้นต้นที่ไม่อนุญาตให้ถอนตัวจากการเป็นทนายจำเลยและจำเลยทั้งหกได้ทราบกำหนดวันนัดสืบพยานโจทก์ในวันที่ 12 ตุลาคม2527 เวลา 13.30 นาฬิกา ตามที่ศาลชั้นต้นนัดใหม่แล้ว ดังนั้นเมื่อทนายจำเลยและจำเลยทั้งหกไม่มาศาลในวันนัดสืบพยานโจทก์ที่เลื่อนมาดังกล่าวโดยไม่แจ้งเหตุขัดข้อง การที่ศาลชั้นต้นได้มีคำสั่งให้จำเลยทั้งหกขาดนัดพิจารณาและดำเนินการสืบพยานโจทก์ไปฝ่ายเดียวแล้วมีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์จำเลยทั้งหกเด็ดขาดจึงเป็นการชอบแล้ว จำเลยจะอ้างว่าไม่ได้จงใจขาดนัดพิจารณา เพราะจำเลยทั้งหกไม่ทราบวันนัดสืบพยานโจทก์ดังกล่าวหาได้ไม่ และกรณีดังกล่าวมิใช่เหตุโดยชอบที่จำเลยทั้งหกจะยกขึ้นอ้างเพื่อขอให้เพิกถอนกระบวนพิจารณาที่ได้ดำเนินการไปแล้ว และเพื่อขอให้พิจารณาคดีใหม่ ศาลชั้นต้นย่อมมีอำนาจที่จะสั่งยกคำร้องของจำเลยทั้งหกโดยไม่จำเป็นต้องไต่สวนคำร้องก่อน ศาลอุทธรณ์พิพากษาชอบแล้ว ฎีกาจำเลยทั้งหกฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน

Share