คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2923/2529

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์ซึ่งเป็นพนักงานขับรถของจำเลยขับรถบรรทุกสินค้าไปถึงปลายทางล่าช้ากว่ากำหนด 3 ชั่วโมง เพราะขับออกนอกเส้นทางแต่ไม่ได้ความว่าโจทก์มีเจตนาประวิงเวลาการทำงานหรือมีเจตนาที่จะไม่ให้สินค้าลงเรือทันตามกำหนด จะถือว่าโจทก์จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายไม่ได้ จำเลยเลิกจ้างโจทก์เพราะเหตุนี้จึงต้องจ่ายค่าชดเชย

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นลูกจ้างประจำทำหน้าที่พนักงานขับรถลากจูงของจำเลยจำเลยเลิกจ้างโดยโจทก์มิได้กระทำผิด ขอให้จ่ายค่าชดเชยและสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า

จำเลยให้การว่า โจทก์มีหน้าที่ขับรถส่งของระหว่างโกดังของจำเลยกับท่าเรือโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่และจงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายโดยเบียบบังทรัพย์สินของจำเลย และพยายามหลีกเลี่ยงการปฏิบัติหน้าที่ จำเลยได้ตัดเตือนและให้โจทก์พักงาน เมื่อครบกำหนดแล้วโจทก์ไม่ได้ขอเข้าทำงานโดยนำคดีมาฟ้อง เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต ขอให้ยกฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยว่า จำเลยเลิกจ้างโจทก์ไม่ได้ความว่าโจทก์ทุจริตต่อหน้าที่ การขับรถถึงปลายทางช้ากว่ากำหนดเพราะขับออกนอกเส้นทาง ไม่ถือว่าโจทก์จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายแต่เป็นการกระทำอันไม่สมแก่การปฏิบัติหน้าที่ของตนให้ลุล่วงไปโดยถูกต้องและสุจริต จำเลยต้องจ่ายค่าชดเชย แต่ไม่ต้องจ่ายสินจ้างแทนการบอกกล่าวล่วงหน้า พิพากษาให้จำเลยจ่ายค่าชดเชยแก่โจทก์ คำขออื่นให้ยก

จำเลยอุทธรณ์ต่อศาลฎีกา

ศาลฎีกาแผนกคดีแรงงานวินิจฉัยปัญหาเรื่องค่าชดเชยว่าโจทก์ขับรถซึ่งบรรทุกสินค้าไปถึงปลายทางล่าช้ากว่ากำหนดเวลาปกติ 3 ชั่วโมง เพราะขับออกนอกเส้นทาง แม้จะไม่ปรากฏสาเหตุที่โจทก์ขับออกนอกเส้นทางแต่ก็ไม่ได้ความว่าการที่โจทก์ขับรถออกนอกเส้นทาง โจทก์มีเจตนาประวิงเวลารการทำงาน หรือมีเจตนาที่จะไม่ให้สินค้าลงเรือทันตามกำหนด ลำพังแต่โจทก์ขับรถถึงปลายทางล่าช้าจะถือว่าโจทก์จงใจทำให้จำเลยได้รับความเสียหายหาได้ไม่

พิพากษายืน

Share