คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2922/2531

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

จำเลยขับรถโดยสารในช่องเดินรถช่องที่ 2 แล้วเบนหัวรถเข้ามาในช่องที่ 1 โดยกะทันหันและไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อให้ผู้ตายซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมารู้ตัวล่วงหน้า และในขณะเดียวกันจำเลหยก็ชะลอรถเพื่อเข้าจอดผู้ตายไม่ทันระวังตัวจึงขับรถชนท้ายรถยนต์โดยสารที่จำเลยขับเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ดังนี้จำเลยมีความผิดตาม ป.อ. มาตรา 291.(ที่มา-ส่งเสริมฯ)

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องขอให้ลงโทษจำเลยตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291พระราชบัญญัติจาราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 43, 157
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา291 และพระราชบัญญัติจราจรทางบกพ.ศ.2522 มาตรา 43, 157 วางโทษตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 291 อันเป็นบทหนัก ให้ลงโทษจำคุกจำเลย6 ปี
จำเลยอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ‘ประจักษ์พยานเบิกความว่าก่อนเกิดเหตุผู้ตายยืมรถจักรยานยนต์คันเกิดเหตุจากนายมาโนตไปลองเครื่องแล้วผู้ตายขับรถมุ่งหน้าไปทางวัดรวกในช่องทางเดินรถช่องที่2 ในขณะนั้นมีรถยนต์โดยสารรับส่งผู้โดยสารซึ่งจำเลยเป็นผู้ขับแล่นอยู่ข้างหน้าในอัตราความเร็วประมาณ 70 กิโลเมตรต่อชั่วโมงในช่องทางเดินรถช่องเดียวกัน รถผู้ตายก็วิ่งมาด้วยความเร็วเท่าเทียมกัน พอรถยนต์โดยสารของจำเลยแล่นมาใกล้ถึงป้ายจอดรถใต้สะพานลอยจำเลยก็หักหัวรถเลี้ยวจะเข้าจอดป้ายทางด้านซ้ายมือโดยไม่เปิดสัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายและเบนตัวรถเข้าไป 45 องศารถจักรยานยนต์ของผู้ตายจึงชนด้านไฟท้ายข้างขวาของรถยนต์โดยสารผู้ตายตกลงมา ศีรษะฟาดพื้นถนนรถจักรยานยนต์ล้มมาทับขาผู้ตายคำเบิกความของพยานโจทก์ 2 ปากนี้เชื่อถือได้หรือไม่นั้น เห็นว่าผู้ตายยืมรถจักรยานยนต์จากนายมาโนตไปลองเครื่อง พยานทั้งสองก็อยู่กับผู้ตายในขณะนั้น จึงมีเหตุให้น่าเชื่อตามคำเบิกความของพยานทั้งสองว่า พยานทั้งสองมองตามรถของผู้ตายไปตลอด เหตุเกิดห่างจากที่พยานนั่งเพียง 70 เมตร ปรากฏตามบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุหมาย จ.2 ว่าตรงที่เกิดเหตุมีแสงสว่างมองเห็นได้ชัดเจนมาก น่าเชื่อว่าพยานทั้งสองเห็นเหตุการณ์ได้ชัดเจนพออนึ่งตามแผนที่สังเขปแสดงที่เกิดเหตุหมาย จ.1 และบันทึกการตรวจสถานที่เกิดเหตุหมาย จ.2 ปรากฏว่า รถยนต์โดยสารที่จำเลยขับนั้นจอดอยู่ใต้สะพานลอย ด้านขวาจอดทับเส้นแบ่งช่องเดินรถประจำทางอยู่ มีเศษกรวดพลาสติกตกกระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้างใกล้เศษดิน หิน ทราย ซึ่งตกเป็นกองใหญ่อยู่บริเวณเส้นแบ่งช่องเดินรถประจำทาง กองเศษหินอยู่ห่างจากท้ายรถยนต์โดยสารคันเกิดเหตุประมาณ 3 เมตร เห็นได้ว่าเมื่อเกิดเหตุถูกชนท้ายแล้วรถยนต์โดยสารยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้าอีกอย่างน้อย 3 เมตร แม้กระนั้นก็ยังจอดทับเส้นแบ่งช่องเดินรถประจำทางอยู่ ดังนั้นที่จำเลยนำสืบว่าขณะเกิดเหตุรถยนต์โดยสารที่จำเลยขับจอดอยู่ริมขอบถนนที่ป้ายจอดรถในเส้นแบ่งช่องเดินรถประจำทางอยู่แล้ว จึงไม่อาจรับฟังได้เพราะขัดกับพยานวัตถุดังกล่าวและแผนที่สังเขปแสดงสถานที่เกิดเหตุอย่างเห็นได้ชัด จึงน่าเชื่อตามที่โจทก์นำสืบว่ารถยนต์โดยสารที่จำเลยขับมานั้นได้อยู่ในช่องเดินรถช่องที่ 2 แล้วเบนหัวรถเข้ามาในช่องที่ 1 โดยกะทันหันและไม่ให้สัญญาณไฟเลี้ยวซ้ายเพื่อให้ผู้ตายซึ่งขับขี่รถจักรยานยนต์ตามมารู้ตัวล่วงหน้า ในขณะเดียวกันจำเลยก็ชะลอรถเพื่อเข้าจอด ผู้ตายไม่ทันระวังตัวจึงขับชนท้ายรถยนต์โดยสารที่จำเลยขับเป็นเหตุให้ผู้ตายถึงแก่ความตาย ฟังได้ว่าจำเลยขับรถโดยประมาทจริงดังฟ้อง พยานจำเลยไม่มีน้ำหนักหักล้างพยานโจทก์ได้ ฎีกาจำเลยฟังไม่ขึ้น แต่ตามพฤติการณ์แห่งคดีนี้เห็นว่า ศาลล่างทั้งสองพิพากษาลงโทษจำเลยหนักเกินไป เห็นสมควรจำคุกจำเลยเพียง 3 ปี’
พิพากษาแก้เป็นว่าให้จำคุกจำเลย 3 ปี นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลอุทธรณ์.

Share