คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 2920/2523

แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา

ย่อสั้น

โจทก์จำเลยทำสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินเป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาท ส่วนที่ค้างตกลงกันให้จำเลยหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยเช่าจากโจทก์เป็นการชำระค่าที่ดินเดือนละ 8,000 บาท ถ้าเลิกสัญญาเช่าให้โจทก์ผ่อนราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาทเมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยจึงจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์จำเลยหักค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นค่าที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาทโจทก์ก็เอารถแทรกเตอร์คืนไม่ชำระค่าที่ดินอีกเลย กลับเรียกเอาเงินที่ชำระไปแล้วคืนจากจำเลยถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลย นับแต่วันทำสัญญาถึงวันที่ฟ้องเป็นเวลา 3 ปีเศษไม่ปรากฏว่าจำเลยเรียกร้องขอบังคับเอาส่วนที่เหลือจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญา โจทก์ทวงถามให้จำเลยคืนเงินค่าที่ดินจำเลยก็มิได้โต้แย้งอันแสดงความประสงค์ว่าจะให้ปฏิบัติตามสัญญาต่อไป เมื่อโจทก์ฟ้องคดีจำเลยก็บอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญา ทั้งยังอ้างว่าไม่มีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลย ถ้าจำเลยไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ก็ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างและมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึง เป็น การที่จำเลยได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีก เท่า กับสนองรับโดยปริยายในการที่โจทก์บอกเลิกสัญญา คู่สัญญา ต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม

ย่อยาว

โจทก์ฟ้องว่า จำเลยทั้งสองได้ทำสัญญาจะขายที่ดินให้โจทก์ในราคา 70,125 บาท โจทก์ชำระเงินให้จำเลยครบถ้วนตามสัญญาแล้วแต่จำเลยไม่โอนกรรมสิทธิ์ให้ตามสัญญา จำเลยทั้งสองต้องคืนราคาที่ดินที่รับไว้จากโจทก์พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี โจทก์ทวงถามแล้วจำเลยไม่ชำระ โจทก์ขอเรียกร้องต้นเงินพร้อมดอกเบี้ยเพียง 100,000 บาทขอให้บังคับจำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงินดังกล่าวพร้อมด้วยดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ

จำเลยทั้งสองให้การว่า สัญญาที่โจทก์ฟ้องทำขึ้นเพื่อประสงค์ที่จะให้โจทก์นำไปแสดงในการขอกู้เงินจากญาติมาลงทุนค้าขายโดยโจทก์อ้างว่าต้องการจะมาซื้อที่ดินไม่มีความประสงค์ให้ผูกพันกันจริงตามสัญญา จำเลยมิได้รับเงินราคาที่ดิน

ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า โจทก์ชำระราคาที่ดินให้จำเลย 43,062.50 บาทไม่ครบถ้วนตามสัญญา จำเลยไม่ผิดสัญญา แต่เป็นการเลิกสัญญาต่อกันโจทก์จำเลยต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยทั้งสองต้องคืนเงินราคาที่ดินที่รับไว้แก่โจทก์พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชำระเงิน 43,062.50 บาทพร้อมทั้งดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 15 ต่อปี นับแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์

จำเลยทั้งสองอุทธรณ์

ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า มูลแห่งคดีไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองยินยอมเลิกสัญญากับโจทก์และไม่ได้กระทำผิดสัญญา ไม่ได้โต้แย้งสิทธิของโจทก์โจทก์จึงไม่มีอำนาจฟ้อง พิพากษากลับให้ยกฟ้อง

โจทก์ฎีกา

ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า ตามสัญญาจะซื้อขายที่ดินซึ่งทำผูกพันกันไว้ เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2517 มีใจความว่า จำเลยทั้งสองตกลงขายที่ดินให้โจทก์เป็นเงิน 70,125 บาท ยังค้างชำระราคาอยู่ 35,062.50 บาทเงินจำนวนนี้ตกลงให้จำเลยทั้งสองหักเอาจากค่าเช่ารถแทรกเตอร์ที่จำเลยทำสัญญาเช่าจากโจทก์เมื่อวันที่ 1 มกราคม 2517 ไว้เป็นค่าที่ดินเดือนละ8,000 บาท ถ้ามีการเลิกสัญญาเช่านั้นให้โจทก์ผ่อนชำระราคาที่ดินเดือนละ 5,000 บาท เมื่อชำระราคาครบถ้วนจำเลยทั้งสองจะโอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ หากโอนไม่ได้ยอมคืนเงินพร้อมทั้งดอกเบี้ยร้อยละ 15 ต่อปี ข้อเท็จจริงยุติตามคำพิพากษาศาลชั้นต้นว่า จำเลยทั้งสองหักเงินค่าเช่ารถแทรกเตอร์ไว้เป็นราคาที่ดินเพียงเดือนเดียวจำนวน 8,000 บาท โจทก์เอารถคืนและไม่ผ่อนชำระราคาที่ดินอีกเลย การที่โจทก์ชำระราคาที่ดินไม่ครบแต่เรียกเอาเงินราคาที่ดินซึ่งชำระไปแล้วคืนจากจำเลยทั้งหมดถือเป็นการบอกเลิกสัญญากับจำเลยทั้งสองโดยไม่มีข้อโต้เถียงเป็นอย่างอื่นปัญหาคงมีว่าจำเลยทั้งสองตกลงเลิกสัญญากับโจทก์ด้วยหรือไม่ เห็นว่าพฤติการณ์ที่จำเลยทั้งสองปฏิบัติหลังจากวันทำสัญญาจะซื้อจะขายซึ่งกำหนดให้โจทก์ผ่อนชำระราคาที่ดินเป็นรายเดือนทุกเดือนจนครบจำนวน 35,062.51 บาท มาจนถึงวันที่โจทก์ฟ้องคดีนี้เป็นเวลา 3 ปีเศษจำเลยทั้งสองได้เงินราคาที่ดินจากโจทก์ครั้งเดียวจำนวน 8,000 บาท ไม่ปรากฏว่าจำเลยทั้งสองเคยเรียกร้องขอบังคับเอาจากโจทก์ซึ่งจำเลยควรถือได้ว่าโจทก์กระทำผิดสัญญาแม้โจทก์ทวงถามให้จำเลยทั้งสองคืนเงินราคาที่ดินที่ได้รับไว้ดังที่โจทก์กล่าวมาในฟ้อง จำเลยทั้งสองก็มิได้โต้แย้งอันแสดงว่าประสงค์จะให้มีการปฏิบัติตามสัญญากันต่อไปเมื่อโจทก์ฟ้องคดีนี้จำเลยทั้งสองบอกปัดชัดแจ้งไม่ยอมรับความผูกพันตามสัญญาทั้งยังอ้างว่าไม่เคยมีการชำระราคาที่ดินกันตามสัญญาเลยถ้าจำเลยทั้งสองไม่ต้องการเลิกสัญญาด้วย ย่อมมีสิทธิบังคับให้โจทก์ชำระราคาที่ดินที่ยังค้างอยู่ตามสัญญา และจำเลยทั้งสองมีหน้าที่โอนกรรมสิทธิ์ที่ดินให้โจทก์ จึงเป็นการที่จำเลยทั้งสองได้แสดงออกซึ่งเจตนาต่อโจทก์แล้วว่าไม่ประสงค์จะปฏิบัติตามสัญญาจะซื้อจะขายนั้นต่อไปอีกเช่นเดียวกับโจทก์เท่ากับสนองรับตกลงด้วยโดยปริยายในการที่โจทก์เลิกสัญญา คู่สัญญาต้องกลับคืนสู่ฐานะเดิม จำเลยต้องคืนเงินราคาที่ดินซึ่งรับไว้ให้โจทก์

พิพากษากลับให้บังคับคดีตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น

Share