แหล่งที่มา : สำนักงานส่งเสริมงานตุลาการ
ย่อสั้น
โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ รวมทั้งถ้อยคำพูดอันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดีฟ้องโจทก์จึงชอบด้วย ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158แล้ว แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่า ที่จำเลยกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระนั้นเป็นจำนวนกี่กรรม และแต่ละกรรมนั้นจำเลยกระทำความผิดเมื่อใด และอย่างไร ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า เมื่อระหว่างวันที่ 1 ถึงวันที่ 16 สิงหาคม2533 เวลากลางวันและกลางคืนต่อเนื่องกัน จำเลยได้กระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกัน โดยกล่าวคำหมิ่นประมาทใส่ความโจทก์ต่อบุคคลที่สามว่า “จำเลยเคยได้เสียกับโจทก์หลายครั้ง” และว่า “ไม่ใช่จำเลยคนเดียวที่เคยได้เสียกับโจทก์ คนอื่น ๆ ก็เคยได้เสียกับโจทก์ด้วย” โดยจำเลยมีเจตนาทำให้โจทก์เสื่อมเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นและถูกเกลียดชัง เหตุเกิดที่ตำบลย่านยาว อำเภอสวรรคโลกจังหวัดสุโขทัย ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 91
ศาลชั้นต้นไต่สวนมูลฟ้องแล้ว เห็นว่าคดีมีมูล ให้ประทับฟ้อง
จำเลยให้การปฏิเสธ
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้วพิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 พิพากษายกคำพิพากษาศาลชั้นต้น ให้ศาลชั้นต้นดำเนินกระบวนพิจารณาแล้วพิพากษาใหม่ตามรูปคดี
จำเลยฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า “มีปัญหาวินิจฉัยตามฎีกาของจำเลยเพียงว่า ฟ้องของโจทก์เป็นฟ้องที่ชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 158 หรือไม่ … เห็นว่า โจทก์ได้บรรยายฟ้องเกี่ยวกับการกระทำทั้งหลายที่อ้างว่าจำเลยได้กระทำผิด ข้อเท็จจริงและรายละเอียดที่เกี่ยวกับเวลาและสถานที่ซึ่งเกิดการกระทำนั้น ๆ รวมทั้งถ้อยคำพูดอันเกี่ยวกับข้อหมิ่นประมาทพอสมควรเท่าที่จะทำให้จำเลยเข้าใจข้อหาได้ดี ฟ้องโจทก์จึงชอบด้วยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 158 แล้ว แม้โจทก์จะมิได้บรรยายฟ้องให้ชัดเจนว่า ที่จำเลยกระทำความผิดต่างกรรมต่างวาระกันนั้นเป็นจำนวนกี่กรรม และแต่ละกรรมนั้นจำเลยกระทำความผิดเมื่อใด และอย่างไร ก็เป็นเพียงรายละเอียดที่โจทก์จะนำสืบได้ในชั้นพิจารณา คำพิพากษาศาลอุทธรณ์ภาค 2 ชอบแล้ว ฎีกาของจำเลยฟังไม่ขึ้น”
พิพากษายืน