แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยทำสัญญาว่าจ้างโจทก์เป็นทนายความแก้ต่างให้จำเลยสัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของ เป็นการจ้างเหมาทั้งหมดเมื่อโจทก์ได้เป็นทนายความว่าความแก้ต่างให้แก่จำเลยจนคดีถึงที่สุดแล้ว แม้คดีจะถึงที่สุดโดยการถอนฟ้องไปก่อนสืบพยาน จำเลยก็ต้องชำระค่าจ้างว่าความให้แก่โจทก์ แต่เมื่อคดีเสร็จไปโดยไม่มีการสืบพยานตามกำหนดเวลาชำระค่าจ้างในสัญญา ก็มีเหตุสมควรลดค่าจ้างให้จำเลย
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยว่าจ้างโจทก์ให้เป็นทนายความให้จำเลยในคดีที่จำเลยถูกฟ้องตกลงค่าจ้างเป็นเงิน 100,000 บาท เมื่อคดีถึงที่สุดจำเลยยังค้างค่าจ้างว่าความอยู่อีก 80,000 บาท จึงขอให้บังคับจำเลย
จำเลยให้การว่า จำเลยจ้างโจทก์เป็นทนายความ แต่มีข้อตกลงกันว่า หากมีการประนีประนอมยอมความในระหว่างดำเนินคดีของศาลชั้นต้น โจทก์คิดค่าจ้างเพียง 20,000 บาท สัญญาจ้างว่าความที่โจทก์นำมาฟ้องได้ยกเลิกกันแล้วโดยให้ถือตามข้อตกลงเดิม คดีที่จำเลยจ้างโจทก์ว่าความได้มีการประนีประนอมยอมความกันโดยการถอนฟ้องก่อนสืบพยาน โจทก์ทำงานเพียงเล็กน้อย จำเลยชำระค่าจ้างไป 20,000 บาทถูกต้องตามข้อตกลงและเป็นธรรมแล้ว
ศาลชั้นต้นวินิจฉัยว่า สัญญาจ้างว่าความที่โจทก์นำมาฟ้องได้ยกเลิกกันและจำเลยได้ชำระค่าจ้างว่าความ 20,000 บาทให้โจทก์ตามข้อตกลงแล้ว พิพากษายกฟ้อง
โจทก์อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์วินิจฉัยว่า สัญญาจ้างว่าความยังไม่เลิกกัน แต่โจทก์ปฏิบัติหน้าที่เพียงเล็กน้อย ควรกำหนดค่าจ้างว่าความให้โจทก์ 35,000 บาทพิพากษาให้จำเลยชำระค่าจ้างว่าความให้โจทก์อีกเป็นเงิน 15,000 บาท
โจทก์ฎีกา
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า จำเลยทำสัญญาจ้างโจทก์ว่าความเป็นเงินค่าจ้าง100,000 บาท ชำระแล้ว 20,000 บาท ส่วนที่เหลือสัญญาจะชำระให้ก่อนวันสืบพยาน 30,000 บาท และอีก 50,000 บาท จะชำระเมื่อคดีศาลชั้นต้นสิ้นสุด สัญญาดังกล่าวเป็นสัญญาจ้างทำของ กล่าวคือเป็นการจ้างเหมาทั้งหมด เมื่อโจทก์ได้เป็นทนายความว่าความแก้ต่างให้แก่จำเลยจนคดีถึงที่สุดแล้ว แม้คดีจะถึงที่สุดโดยการถอนฟ้องไปก่อนมีการสืบพยาน จำเลยก็ต้องชำระค่าจ้างว่าความให้แก่โจทก์ แต่เมื่อคดีเสร็จไปโดยไม่มีการสืบพยานตามกำหนดเวลาชำระค่าจ้างตามสัญญาก็มีเหตุสมควรลดค่าจ้างให้จำเลยเป็นเงิน 30,000 บาท
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระค่าจ้างว่าความแก่โจทก์อีกเป็นเงิน 50,000 บาท