แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
จำเลยที่ 1 นำรถออกไปขนขยะอันเป็นการกระทำในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 หน้าที่ของจำเลยที่ 1 เริ่มตั้งแต่นำรถออกจากอู่ของจำเลยที่ 2 และจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนำรถเข้าจอดที่อู่ตามเดิม เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปธุระส่วนตัวในระหว่างออกไปปฏิบัติงานตามหน้าที่และกระทำละเมิดต่อโจทก์ภายในเส้นทางที่ต้องปฏิบัติตามหน้าที่ ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดในทางการที่จำเลยที่ 2 จ้าง จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1
ระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถเป็นวิธีปฏิบัติระหว่างจำเลยที่ 1 กับจำเลยที่ 2 ไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อปฏิเสธความรับผิดซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้
ย่อยาว
โจทก์ฟ้องว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ขับรถยนต์จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์ขนขยะของจำเลยที่ 2 ไปตามถนนสายมหาสารคาม – ร้อยเอ็ด ตามทางการที่จ้าง จำเลยที่ 1 ขับรถโดยประมาทเป็นเหตุให้ชนท้ายรถยนต์ของนายสวาทแล้วแล่นออกนอกถนนด้านขวามือไปชนรถจักรยานยนต์ของนายวิชิตสามีโจทก์ที่ 1 นายวิชิตได้รับบาดเจ็บถึงแก่กรรม โจทก์ที่ 1 ซึ่งนั่งซ้อนท้ายรถนายวิชิตได้รับบาดเจ็บต้องตัดขาขวา การกระทำของจำเลยที่ 1 ทำให้โจทก์ที่ 1เสียหายคิดเป็นเงิน 36,500 บาท โจทก์ทั้งสามขาดค่าอุปการะเลี้ยงดูเป็นเงิน163,500 บาท รวมเป็นค่าเสียหาย 200,000 บาท จำเลยที่ 2 ในฐานะนายจ้างต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย
จำเลยที่ 1 ขาดนัดยื่นคำให้การและขาดนัดพิจารณา
จำเลยที่ 2 ให้การว่า จำเลยที่ 1 ไม่ได้ทำการในทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เพราะทำการฝ่าฝืนระเบียบคำสั่ง จำเลยที่ 2 จึงไม่ต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ขอให้ยกฟ้อง
ศาลชั้นต้นพิจารณาแล้ว พิพากษาให้จำเลยทั้งสองร่วมกันชดใช้ค่าสินไหมทดแทนแก่โจทก์เป็นเงิน 200,000 บาท
จำเลยที่ 2 อุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์พิพากษายืน
จำเลยที่ 2 ฎีกา
ศาลฎีกาฟังข้อเท็จจริงว่า จำเลยที่ 1 เป็นลูกจ้างของจำเลยที่ 2 วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันหมายเลขทะเบียน ม.ค.02821 ของจำเลยที่ 2 ออกจากอู่รถยนต์เพื่อไปทำการขนและเทขยะตามทางการที่จ้างของจำเลยที่ 2 เวลาประมาณ 11 นาฬิกา จำเลยที่ 1 ขับรถยนต์คันดังกล่าวโดยประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายวิชิตบาดเจ็บและถึงแก่กรรม โจทก์ที่ 1 ได้รับบาดเจ็บต้องตัดขาขวา เหตุเกิดในเส้นทางที่จำเลยที่ 1 จะต้องขับรถไปและกลับจากเทขยะตามปกติ
จำเลยที่ 2 นำสืบว่า จำเลยที่ 2 ได้ออกระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถยนต์ขนขยะมูลฝอยว่า ให้พนักงานขับรถนำรถออกปฏิบัติงาน 2 ระยะ ระยะแรกภาคเช้าตั้งแต่เวลา 05.00 น. – 09.00 น. แล้วนำรถกลับไปจอดไว้ที่อู่รถของจำเลยที่ 2 ระยะที่ 2 ภาคบ่าย ตั้งแต่เวลา 13.00 น. – 16.30 น. วันเกิดเหตุจำเลยที่ 1 นำรถยนต์ขนขยะมูลฝอยภาคเช้ามีนายชาลีและนายชื่นเป็นคนงานประจำรถจำเลยที่ 1 ขนขยะไปเทเที่ยวแรกเมื่อ 6 นาฬิกาเศษ และเที่ยวที่สองเมื่อ 8.30 น. จำเลยที่ 1 ให้นายชาลีและนายชื่นกลับไปรับประทานอาหารที่บ้านโดยบอกว่าจะเอารถไปธุระส่วนตัว จำเลยที่ 1 กระทำละเมิดนอกเวลาปฏิบัติงาน
ศาลฎีกาวินิจฉัยว่า แม้ข้อเท็จจริงจะฟังได้ตามที่จำเลยที่ 2 นำสืบการที่จำเลยที่ 1 นำรถออกไปขนขยะเป็นการกระทำไปในทางการที่จ้าง หน้าที่ของจำเลยที่ 1 เริ่มตั้งแต่นำรถออกจากอู่ของจำเลยที่ 2 และจะสิ้นสุดลงก็ต่อเมื่อนำรถเข้าจอดที่อู่ตามเดิม เมื่อจำเลยที่ 1 ขับรถไปธุระส่วนตัวในระหว่างออกไปปฏิบัติงานตามหน้าที่ และกระทำละเมิดต่อโจทก์ภายในเส้นทางที่ต้องปฏิบัติงานตามหน้าที่ถือได้ว่าจำเลยที่ 1 กระทำละเมิดในทางการที่จำเลยที่ 2 จ้าง จำเลยที่ 2 จึงต้องร่วมรับผิดกับจำเลยที่ 1 ด้วย ระเบียบเกี่ยวกับการใช้รถตามเอกสารหมาย ล.1 เป็นวิธีปฏิบัติระหว่างจำเลยทั้งสองไม่สามารถนำมาอ้างอิงเพื่อปฏิเสธความรับผิดซึ่งมีต่อบุคคลภายนอกได้ศาลล่างพิพากษาชอบแล้ว
พิพากษายืน