แหล่งที่มา : กองผู้ช่วยผู้พิพากษาศาลฎีกา
ย่อสั้น
ความว่า จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่า ครบกำหนดยื่นฎีกาวันที่ 20 มิถุนายน 2536 ซึ่งเป็นวันอาทิตย์หยุดราชการ มีสิทธิยื่นได้ในวันที่ 21 มิถุนายน 2536 แต่มายื่นในวันนี้เกินกว่ากำหนดฎีกา จึงไม่รับฎีกา
จำเลยทั้งสองเห็นว่า จำเลยได้ยื่นคำร้องขอถ่ายสำเนา เอกสารประกอบในการเขียนฎีกาเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2536 แต่เพิ่งได้รับเอกสารดังกล่าวเมื่อใกล้ครบกำหนดยื่นฎีกา และทนายจำเลยเกิดเจ็บป่วยลง จำเลยทั้งสองจึงไม่สามารถ ยื่นฎีกาได้ในกำหนด ส่วนคำร้องขออนุญาตยื่นฎีกาลงวันที่ 23 มิถุนายน 2536 เนื่องจากทนายจำเลยเร่ง รีบมายื่นฎีกา ถึงมิได้นำคำร้องดังกล่าวมายื่นพร้อมฎีกา มิได้มีเจตนาจะ ไม่ยื่นคำร้องดังกล่าว ประกอบกับฎีกาของจำเลยมีทางชนะคดี โจทก์ได้ โปรดมีคำสั่งรับฎีกาของจำเลยทั้งสองไว้พิจารณาต่อไป
หมายเหตุ ไม่ปรากฏว่าโจทก์, โจทก์ร่วม ได้รับสำเนาคำร้อง
ระหว่างการพิจารณาของศาลชั้นต้น นายวิเชียรธุระมะฉัยยาผู้เสียหาย ยื่นคำร้องขอเข้าร่วมเป็นโจทก์ ศาลชั้นต้นอนุญาต
ศาลชั้นต้นพิพากษายกฟ้อง
ศาลอุทธรณ์พิพากษากลับว่า จำเลยทั้งสองมีความผิดตาม ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 365(2) ประกอบมาตรา 362 ลงโทษจำคุก จำเลยคนละ 2 ปี และปรับคนละ 7,500 บาท จำเลยทั้งสองให้การ เป็นประโยชน์แก่การพิจารณาลดโทษให้หนึ่งในสาม คงลงโทษจำคุก จำเลยคนละ 1 ปี 4 เดือน และปรับคนละ 5,000 บาท ไม่ปรากฏว่า จำเลยทั้งสองเคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 2 ปี ฯลฯ
จำเลยทั้งสองฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งดังกล่าว(อันดับ 116)
ทนายจำเลยทั้งสองยื่นคำร้องลงวันที่ 23 มิถุนายน 2536ขออนุญาตยื่นฎีกา ศาลชั้นต้นมีคำสั่งว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม (อันดับ 107)
จำเลยทั้งสองยื่นคำร้องนี้ (อันดับ 108)
คำสั่ง
พิเคราะห์แล้ว เห็นว่า จำเลยทั้งสองมิได้ยื่นฎีกาภายในหนึ่งเดือนนับแต่วันอ่านคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้จำเลยทั้งสองฟัง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 216 วรรคแรกต้องห้ามมิให้ฎีกา ที่ศาลชั้นต้นมีคำสั่งไม่รับฎีกาชอบแล้วยกคำร้อง